กำแพงเพชร - “พ.ต.ท.ไวพจน์-อุดมรัตน์ อาภรณ์รัตน์” สองสามีภรรยา อดีต ส.ส.คนดังเมืองกล้วยไข่ แกนนำเสื้อแดงสายเหนือตัวเอ้ พักยกการเมือง หันหน้าเข้าไร่ ปลุกปั้นกิจการโคขุนส่งออกผ่านลาว เข้าเวียดนาม-จีน บอกราคาดี รับซื้อกันแบบไม่อั้น
หลัง คสช. นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตั้งแต่ 22 พ.ค. 57 เป็นต้นมา เครือข่ายพรรคเพื่อไทย รวมถึงแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นฐานมวลชนหลักส่วนใหญ่ต้องยุติการเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งชั่วคราว หรืออาจถาวร
พ.ต.ท.ไวพจน์-นางอุดมรัตน์ อาภรณ์รัตน์ สามี-ภรรยา อดีต ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเพื่อไทย ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในแกนหลักของกลุ่มคนเสื้อแดงในสายเหนือมาตลอดก็เช่นกัน ล่าสุดทั้งสองกำลังปลุกปั้นกิจการโคขุนส่งออกอย่างเป็นล่ำเป็นสันที่ไร่อาภรณ์รัตน์ เลขที่ 254 หมู่ที่ 6 ต.สระแก้ว อ.เมืองกำแพงเพชร
พ.ต.ท.ไวพจน์เล่าให้ฟังว่า การเลี้ยงวัวต้องมีแรงจูงใจจากความชอบส่วนตัวมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่เราก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วยว่าตัวเราเองนั้นมีศักยภาพมากน้อยเพียงไร หลายท่านคงอยากจะได้วัวคุณภาพดีมาเลี้ยงให้สมกับเม็ดเงินที่ลงทุนไป ถ้าได้มาแล้วไม่ตรงกับความต้องการ ไหนจะเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เสียทั้งความรู้สึก จนอาจทำให้เกิดความท้อ หมดกำลังใจในการเลี้ยงไปเลยก็ได้ เปรียบดั่งสำนวนไทยที่ว่า “มีเมียผิด คิดจนตัวตาย”
ตัวแปรที่มีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจคัดเลือกวัวมาเลี้ยงก็คือ ความชอบส่วนตัว กำลังทรัพย์ พื้นที่ในการเลี้ยง แหล่งอาหาร แรงงาน เวลา และตลาด สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้จะทำให้เราสามารถกำหนดแนวทางการเลี้ยงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“ที่ร่ายยาวมานี้ก็เพื่ออยากให้มือใหม่ที่สนใจหรือว่าเพิ่งก้าวเข้ามาในวงการวัวได้มีการติดอาวุธทางปัญญาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง เพื่อป้องกันการถูกหลอกย้อมวัวขาย หรืออุบายเล่ห์เหลี่ยมอีกร้อยแปดพันเก้าที่ต้องพบเจออีกมากมายในอนาคตด้วยความปรารถนาดี ดั่งสุภาษิตจีนที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง”
พ.ต.ท.ไวพจน์บอกว่า ก่อนที่เราจะทราบถึงหลักในการคัดเลือกวัวมาเลี้ยงว่ามีอะไรบ้าง ก็อยากนำเสนอเทคนิคเล็กน้อยให้ได้ทราบว่า ตัวเรามีความพร้อมและความเหมาะสมที่จะเลี้ยงโคเนื้อรูปแบบใดและระดับไหนเสียก่อน เพื่อช่วยให้เห็นภาพ และตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ในวงการโคขุนผู้อาวุโสท่านได้เคยให้แนวคิดง่ายๆ โดยการนำโคไปเปรียบเทียบกับยานพาหนะที่เราใช้เดินทางสัญจรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ท่านได้กล่าวไว้ว่า “ยี่ห้อของรถ ก็คือระดับพันธุกรรมและความเหมาะสมในการนำไปใช้งาน ราคาของรถ หมายถึงคุณภาพของโคพันธุ์นั้นๆ ความเร็วของรถก็เปรียบเสมือนอัตราการเจริญเติบโต” ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพ และเข้าใจมากขึ้นว่า ควรจะเลือกซื้อโคพันธุ์ใด เพศอะไร อายุเท่าไร ให้ตรงกับจุดประสงค์ ความพร้อมของผู้เลี้ยง และเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
กล่าวคือ “โคพื้นเมือง” เปรียบได้กับ เกวียน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นโคพื้นเมืองแล้ว ความทรหดอดทนไม่เป็นสองรองใครแน่นอน หากินเก่ง เลี้ยงได้ทุกสภาพแวดล้อม แม้ว่าแหล่งอาหารจะไม่เพียงพอก็ยังสามารถให้ลูกได้ทุกปี ราคาไม่แพง ถึงจะไม่ค่อยได้รับการดูแลเอาใจใส่ก็สามารถอยู่ได้สบายๆ เอาตัวรอดเก่ง แต่รูปร่างอาจจะไม่ใหญ่โต และอัตราการเจริญเติบโตไม่ดีนัก ดั่งเกวียนที่ลุยได้ทุกเส้นทางแม้ว่าหนทางข้างหน้าจะยากลำบากสักเพียงใด ไม่กินน้ำมัน การบำรุงรักษาก็ง่าย แต่จะใช้ระยะเวลาในการเดินทางนาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินทุนไม่มากนัก มีพื้นที่ หรือแหล่งอาหารค่อนข้างจำกัด สามารถเพิ่มมูลค่าในรุ่นลูกหรือยกระดับฝูงได้โดยการผสมกับพ่อพันธุ์บรามัน, พ่อพันธุ์ฮินดูบราซิล, พ่อพันธุ์โคเมืองหนาว หรือพ่อพันธุ์เลือดผสมต่างๆ ได้
พ.ต.ท.ไวพจน์กล่าวต่อว่า สำหรับตนใช้วัวพันธุ์พื้นเมือง (ไทยใหญ่แม่สอด) อายุประมาณ 3 ปี 58 ตัว น้ำหนักก่อนนำมาขุนประมาณ 400 กว่ากิโลกรัม นำมาขุน 3 เดือนให้ได้น้ำหนักประมาณ 550 กิโลกรัม ก็ส่งออกผ่านไปทาง สปป.ลาว ก่อนส่งต่อไปเวียดนาม-จีน ซึ่งเวลานี้ตลาดรับซื้อไม่อั้น ในราคากิโลกรัมละประมาณ 110 บาทถึง 112 บาท ซึ่งแพงกว่าพันธุ์บรามันที่อยู่ในราวกิโลกรัมละ 105 บาท
อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยบอกว่า ไร่ของเขาผลิตอาหารที่ใช้ขุนวัวเอง ทำให้วัวมีน้ำหนักมากขึ้น โตไว มีโปรตีนสูง และยังประหยัดต้นทุนในการผลิตอาหารได้มากถึงครึ่งต่อครึ่งอีกด้วย โดยใช้ส่วนผสมจากกากมันสำปะหลัง ยีสต์ขนมปัง น้ำตาลทรายแดง กากน้ำตาล ปุ๋ยยูเรีย และหญ้าเนเปียร์ปากช่อง ที่ปลูกไว้จำนวน 25 ไร่ พื้นที่ 1 ไร่ ปลูก 2 เดือนจะได้ผลผลิตหญ้าเนเปียร์ 10 ตัน นำส่วนผสมดังกล่าวมาหมักไว้ 10 วัน เพื่อนำมาเป็นอาหารสำหรับโคขุน วันละไม่ต่ำกว่า 3 มื้อ น้ำอย่าให้ขาด ทั้งให้ดื่มและทำความสะอาดทั้งตัว-คอกวัว
พ.ต.ท.ไวพจน์บอกว่า ไร่ของเขาเป็นเจ้าแรกของจังหวัดกำแพงเพชร และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมส่งเสริมให้เกษตรกรชาวจังหวัดกำแพงเพชรหันมาทำอาชีพเสริมด้วยการเลี้ยงโคขุน คนที่สนใจสามารถมาปรึกษา และดูงานการเลี้ยงได้ โดยติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1785-8811