บุรีรัมย์ - บรรยากาศการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.บุรีรัมย์วันที่สองเงียบเหงา ยังไม่มีบุคคลเสนอชื่อเข้าร่วมแม้แต่รายเดียว มีเพียงตัวแทนจากกลุ่มองค์กรและภาคเอกชนยื่นขอรับเอกสารนิติบุคคลและสอบถามระเบียบหลักเกณฑ์การสมัครเท่านั้น ขณะ กก.สรรหามีมติเน้นใช้วิธีทาบทามเพื่อให้ได้บุคคลเหมาะสมทำงานเพื่อส่วนรวมแท้จริง
วันนี้ (15 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ระดับจังหวัด ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดบุรีรัมย์ วันที่สองยังเงียบเหงา โดยตลอดทั้งสองวันยังไม่มีบุคคลมาเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.จังหวัดแม้แต่รายเดียว
มีเพียงตัวแทนจากสมาคม กลุ่ม องค์กร และภาคเอกชน จำนวน 5 คน ที่เดินทางมาขอรับเอกสารและสอบถามรายละเอียดระเบียบหลักเกณฑ์ในการสมัครหรือเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาประเภทนิติบุคคลเท่านั้น เพราะกรณีนิติบุคคลไม่สามารถสมัครหรือเสนอชื่อที่ กกต.จังหวัดได้ ต้องไปสมัครที่ กกต.กลางเท่านั้น
ขณะที่ผลการประชุมคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติประจำจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีมติให้ใช้วิธีการทาบทามผู้ทรงคุณวุฒิเข้ารับการสรรหาเป็นหลัก เพื่อให้ได้บุคคลที่มีความเหมาะสม มีความรู้ความสามารถ และทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมโดยแท้จริง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีโผรายชื่อของผู้ที่จะได้รับการทาบทามแต่อย่างใด แต่หากบุคคลใดที่สนใจเสนอชื่อเข้ารับการสรรหายังสามารถยื่นสมัครได้ที่ กกต.จังหวัด ไปจนถึงวันที่ 2 กันยายน 2557 เช่นเดียวกัน
นายสัมภาษณ์ เชาวลิต ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการเลือกตั้ง 1 รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การทาบทามบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.ระดับจังหวัดนั้นจะทาบทามจาก 5 ภาคส่วน ประกอบด้วย ปราชญ์ชาวบ้าน, สายวิชาการ, ผู้บริหารท้องถิ่น, ภาคธุรกิจ และตัวแทนพรรคการเมือง ทั้งนี้หลังสิ้นสุดการเสนอชื่อในวันที่ 2 ก.ย.จะมีการประชุมคัดเลือกบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาให้เหลือ 5 คน พร้อมตรวจสอบคุณสมบัติ จากนั้นจะรวบรวมรายชื่อส่งให้ กกต.กลางและ คสช.พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
นายสัมภาษณ์กล่าวอีกว่า สำหรับคุณสมบัติของผู้เข้ารับการสรรหาจะต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 28 และ 29 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 เช่น ต้องมีสัญชาติไทยโดยกำเนิด, อายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีในวันที่ได้รับการเสนอชื่อ, ไม่เป็นพระภิกษุ สามเณร, ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต, ไม่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง, ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการหน่วยงานของรัฐ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือประพฤติมิชอบ, ไม่เคยต้องคำพิพากษาให้ทรัพย์สินเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ, ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมหรือกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด การพนัน และไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ เป็นต้น