ลำปาง - ทหารนำกำลังบุกตรวจป่าสงวนฯ เจอบ้านไม้สักหลังงาม มูลค่าไม่ต่ำกว่าล้านบาท ปลูกติดอ่างเก็บน้ำ พร้อมควบคุมตัวเจ้าของส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และสั่งอายัดบ้านไว้
บ่ายวันนี้ (9 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ลำปาง ตำรวจกองกำกับการ 4 ปทส.ชุดที่ 1 สาขาลำปาง ตำรวจศ ปทส.ภ.5 ลำปาง ชุดที่ 3 นปพ.ภ.ลำปาง หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลป.17 (แม่จางตอนขุน) ตำรวจ สภ.แม่เมาะ ฝ่ายปกครอง อ.แม่เมาะ ได้เข้าตรวจสอบป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จางตอนขุน บ้านกอรวก อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง (บริเวณอ่างเก็บน้ำกิ่วข้ามหลาม) หลังรับแจ้งมีการลักลอบปลูกบ้านในพื้นที่
โดยพบว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการล้อมรั้วลวดหนามรอบพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ภายในมีการปลูกบ้านพักอาศัยด้วยไม้สักทั้งหลัง ติดกับขอบอ่างเก็บน้ำกิ่วข้าวหลาม พร้อมเพิงพักสำหรับจอดรถ นอกจากนี้ ยังพบว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีการปลูกต้นยางพาราอายุประมาณ 2-3 ปี พร้อมต่อระบบฉีดน้ำเกือบเต็มพื้นที่
จากการเข้าตรวจสอบครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบ นายชาญ แสนคำปา อายุ 62 ปี ชาวบ้านกอรวก รับว่าเป็นเจ้าของบ้าน และสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งพื้นที่ที่มีการล้อมรั้วทั้งหมด มีที่ดิน 3 แปลง รวมเนื้อที่กว่า 50 ไร่ ส่วนบ้านพักอาศัยแห่งนี้ได้สร้างเพื่ออยู่อาศัยกับภรรยา ลูก และหลานรวม 5 คน โดยยึดอาชีพปลูกยางพารา และปลูกผักสวนครัว
นายชาญ อ้างว่า ที่ดินทั้งหมดเป็นมรดกตกทอดมาหลายชั่วอายุคน ตั้งแต่ปู่ของทวด จนมาถึงรุ่นตัวเอง ได้มีการรังวัดที่ดินเพื่อที่จะเปลี่ยนเป็นแปลง ส.ป.ก.แล้ว แต่ก็มาถูกยกเลิกไป ซึ่งที่ผ่านมา ก็ไม่ได้อยู่บ้าน เนื่องจากไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด แต่ก็ได้นำต้นสักมาปลูก และกั้นรั้วรอบๆ ไว้
นายชาญ บอกอีกว่า พอเก็บเงินสะสมได้ก้อนหนึ่งจึงนำมาลงทุนปรับพื้นที่ แต่แปลงสักถูกลักลอบตัดไปเกือบหมด จึงหันมาลงทุนปลูกยางพารา พร้อมทั้งสร้างบ้านพักอีก 1 หลัง เพื่ออาศัยตอนแก่เฒ่า โดยสร้างบ้านมาได้ปีกว่าแล้ว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ให้นำหลักฐานการครอบครองที่ดินมาแสดง กลับพบมีเพียงกระดาษใบเล็กๆ 2 แผ่น ที่ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า ที่ดินดังกล่าวครอบครองอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ ส่วนบ้านไม้สักทั้งหลัง จากสภาพทั้งโครงสร้างบ้าน การตกแต่งภายในบ้าน คาดว่ามูลค่าการก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท และสร้างติดอ่างเก็บน้ำ
เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้เครื่องจีพีเอสตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติจริง และไม่ได้อยู่ในแปลง ส.ป.ก. จึงได้ควบคุมตัว นายชาญ ส่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมอายัดพื้นที่ดังกล่าวไว้เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง