ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อดีตส.ว.นำกองทัพสื่อบุกพิสูจน์รื้อบ้าน 2 หลัง โฮมสเตย์“ธาริต” ฉาวบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ที่ปากช่องโคราช ด้านป่าไม้เบี้ยวไม่มาตามนัด ขณะทนายเมียตั้งป้อมแจงสื่ออ้างบ้านฉาว 2 หลังและที่ดินฮุบป่าเป็นของเพื่อนเมียธาริต ยันไม่ผิดทำตามกม. และแจ้งป่าไม้ก่อนชิงทุบทิ้ง พร้อมนำสื่อดูซากบ้านบนเขา ด้านอดีต ส.ว. จี้ป่าไม้ดำเนินคดี พร้อมส่งเรื่องให้ “คสช.” เชือดต่อและไล่สอบโฉนดได้มาโดยชอบหรือไม่
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (6 ส.ค.) นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว.สรรหา และ อดีตประธานอนุกรรมาธิการธรรมาภิบาลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมคณะ และประชาชนชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รวมทั้งสื่อมวลชน ได้เดินทางลงตรวจสอบพื้นที่บ้าน2 หลังที่ปลูกอยู่บนเขา ตั้งอยู่ด้านหลังและอยู่ในแนวเขตรั้วเดียวกันกับ โฮมสเตย์ ฟีออร์เร่ ปาร์ค และบ้านพักตากอากาศหรู ของ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ภรรยา นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( DSI ) ที่บ้านเลขที่ 444 หมู่ที่ 11 บ้านมอกระหาด ต.หนองน้ำแดง อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา
ตามที่ได้มีการนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่าจะเข้าไปทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 2 หลังดังกล่าว ที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างใน ภายในวันนี้ ( 6 ส.ค.) แต่กลับมีการชิงทุบทำลายรื้อถอนไปก่อน ในวันที่ 3-4 ส.ค.ที่ผ่านมา
การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เดินทางมาตามที่นัดหมายไว้แต่อย่างใด มีเพียง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่องและ สภ.หนองน้ำแดง กว่า 10 นาย และ ปลัดอำเภอปากช่องนำกำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) จำนวน 5 นาย มาคอยดูแลสงบเรียบร้อย รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่สัสดีอำเภอปากช่อง และ กำนันตำบลหนองน้ำแดง เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์
ทันทีที่คณะของนายประสาร และสื่อมวลชนเดินทางมาถึง ผู้ดูแลบ้านพักของนางวรรษมล ได้เปิดประตูทางเข้าด้านข้างโฮมสเตย์ ที่ยังคงมีการติดป้ายข้อความ “ที่ส่วนบุคคล ห้ามเข้า” ให้คณะสื่อมวลชนและคณะของนายประสารได้เดินเข้าไปในบริเวณพื้นที่ โฮมสเตย์ ฟีออร์เร่ ปาร์ค และบ้านพักตากอากาศหรู ของ นางวรรษมล
โดยมี นายมนัส ทองศรีสมบูรณ์ ทนายความของนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ และ นางวันทนา พิพัฒน์ไชยศิริ มาต้อนรับก่อนเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน และนำเดินตรวจดูพื้นที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในพื้นที่ของดินของนางวรรษมล และนางวันทนา ตามที่มีข่าวว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย พร้อมนำสื่อเดินขึ้นเนินเขาเพื่อไปดูบ้านพัก 2 หลังที่ถูกระบุว่าบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และ ได้ทำการรื้อถอนไปแล้ว เหลือเพียงกองปูนและเศษซากวัสดุ
ทั้งนี้ นายมนัส ยังได้นำเอกสารโฉนดที่ดินและหนังสือขออนุญาตเช่าที่ดินกรมป่าไม้ และหนังสือสำคัญที่ลงนามโดย นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและเอกสารของทางราชการต่าง ๆ มาแสดงให้สื่อมวลชนได้ดู
พร้อมสรุปข้อเท็จจริงในประเด็นต่างรวม 10 ข้อ สรุปได้ว่า ที่ดินบริเวณที่เป็นข่าว (โฮมสเตย์ ฟีออร์เร่ ปาร์ค และบ้านพักตากอากาศหรู ของ นางวรรษมล ภรรยา นายธาริต ) เป็นที่ดินเอกชนมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องคือ โฉนดที่ดิน 3 แปลง โดยได้ออกโฉนดที่ดินมาตั้งแต่ พ.ศ. 2530 แล้วมีการโอนกรรมสิทธิ์เป็นทอด ๆ ต่อกันมา โดยเมื่อปี 2555 นางวรรษมล ได้ซื้อที่ดินแปลงที่ 1 และ 2 ซึ่งแนวเขตที่ดินติดต่อกันไม่มีอะไรกั้น ส่วนนางวันทนา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ได้ซื้อที่ดินแปลงที่ 3 แม้จะอยู่ติดกันแต่มีถนนกั้นแนวเขตที่ดินระหว่างกันชัดเจน
ที่ดินแปลงที่ นางวันทนา ซื้อมาอยู่ติดกับเขตป่าไม้โดยผู้ขายที่เป็นเจ้าของเดิมได้รับอนุญาตให้เช่าพื้นที่จากกรมป่าไม้และได้ปลูกบ้านไม้ชั้นเดียวเพื่อพักอาศัยไว้รวมพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ และในระยะหลัง นางวันทนา ได้ทำการก่อสร้างเรือนสำหรับรับประทานอาหารเพิ่มเติมอีก 1 หลัง ซึ่งไม่ใช่ที่พักอาศัย รวมทั้งได้มีการปรับปรุงบ้านไม้ชั้นเดียวหลังที่ 1 ส่วน ถนน และรั้วลวดหนาม นั้นเป็นของเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยไม่มีเจตนาบุกรุกแต่อย่างใด เพราะเป็นการสืบสิทธิ์จากผู้ขายเดิมที่ได้รับสิทธิ์เช่าจากกรมป่าไม้ และไม่ได้รับแจ้งว่ายกเลิกสิทธิ์นั้น
ต่อมา นางวันทนา ได้ทำเรื่องขอเช่าที่ดินดังกล่าวจากกรมป่าไม้ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2556 กระทั่งเดือน ก.ค. 2557 กรมป่าไม้แจ้งกลับมาว่าไม่อนุญาตให้เช่าที่ดิน นางวันทนา จึงทำตามกฎหมายและระเบียบด้วยการคืนพื้นที่ให้กับกรมป่าไม้และทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้ง 2 หลัง เมื่อทำการรื้อถอนเสร็จสิ้นก็ได้แจ้งผลและส่งมอบคืนพื้นที่ต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ อ.ปากช่องไป แล้ว
"การรื้อถอนออกไปได้กระทำอย่างเปิดเผยไม่ได้ซ่อนเร้นแต่อย่างใด ฉะนั้นนางวันทนา จึงไม่ได้กระทำผิดใด ๆ ทั้งสิ้นรวมถึง นางวรรษมล ด้วย" นายมนัส กล่าว
ด้าน นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า การลงมาตรวจติดตามในพื้นที่ในวันนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ กรมป่าไม้ได้กำหนดที่จะมารื้อถอนบ้าน 2 หลัง ในวันนี้ ( 6 ส.ค.) เวลา 09.00 น. โดยแจ้งชัดเจนว่าจะมีกำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 40-50 คนพร้อมรถยนต์ อุปกรณ์ มารื้อบ้าน แต่เมื่อวันที่ 3 - 4 ส.ค. ที่ผ่านมา กลับมีชายฉกรรจ์มาทำการช่วงชิงรื้อบ้านไปก่อน แสดงว่าการที่มารื้อไปก่อนเพราะเห็นว่าบ้านหลังนี้มันผิดจึงรื้อถอน และการรื้อแสดงว่ายอมรับจำนนต่อหลักฐานว่าบ้านหลังนี้บุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ ฉะนั้นกรมป่าไม้ต้องทำหน้าที่ว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างไร
อีกประเด็นคือ ในเมื่อเป็นพื้นที่ของป่าสงวนแห่งชาติแล้ว ก็แปลว่าสิ่งปลูกสร้างทั้ง 2 หลัง นั้นเป็นสมบัติของหลวง ซึ่งกรมป่าไม้ต้องรักษาการตามกฎหมายด้วยว่าการเข้ามารื้อมาทำลายหลักฐานเช่นนี้จะต้องดำเนินคดีหรือแจ้งความอย่างไรต่อไป หากไม่ทำแสดงว่าละเลยปฏิบัติหน้าที่ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157
ส่วนการที่ทนายมาชี้แจงว่า บ้าน 2 หลัง และพื้นที่ที่บุกรุกป่า เป็นที่ของนางวันทนา แต่ความจริงที่เห็นและปรากฏนั้น พื้นที่ดังกล่าวมันถูกล้อมรั้วไว้ในผืนเดียวกันกับบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ “สิริอุบล” และโฮมสเตย์ ฟีออร์เร่ ปาร์ค ของนางวรรษมล ภรรยานายธาริต ครอบคลุมทั้งที่ดินของนางวันทนา และบ้าน 2 หลังดังกล่าวด้วย แสดงให้เห็นว่าต้องการแสดงกรรมสิทธิ์ และส่อเจตนาที่จะแสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เมื่อเป็นเช่นนี้ก็แสดงว่าความผิดสำเร็จแล้ว กับสิ่งที่ต้องการบอกกับสาธารณะ
“ ทั้งหมดกระจ่างชัดแล้วว่า มีความผิดหลายประเด็นด้วยกัน ทั้งเรื่องการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ การทำลายหลักฐาน การปลูกบ้านในพื้นที่ลาดเอียง 45 องศา เป็นต้น ก็เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของนางวันทนาและเจ้าของบ้านหลังใหญ่ ที่จะต้องไปชี้แจงแสดงเหตุผลกับผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ และกรมป่าไม้ก็ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีและให้ผู้เกี่ยวข้องได้มาชี้แจงและตรวจสอบกันไป” นายประสาร กล่าว
นายประสาร กล่าวว่า สำหรับที่ดินทั้งหมดในพื้นที่ดังกล่าวนี้ทั้งที่มีโฉนดที่ดินและไม่มีโฉนด เท่าที่มีการตรวจสอบพบว่า ที่ดินตรงนี้ทั้งหมดเดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้าฯ มาตั้งแต่ปี 2509 มีเอกสารชัดเจน ปรากฏว่าปี 2519 มีการออกโฉนดที่เป็นของบริษัทอุตสาหกรรมการเกษตรปากช่องและมีการซื้อขายกันมาเป็นทอด ๆ จนถึง นางวรรษมล ภรรยา นายธาริต ฉะนั้นการออกโฉนดที่ดินลักษณะเช่นนี้กรมที่ดินและกรมป่าไม้ต้องรับผิดชอบว่าทำไมมีการออกโฉนด และออกมาได้อย่างไรเมื่อมันทับเขตป่าสงวนแห่งชาติ
“ ดังนั้นจะต้องมีการตรวจสอบกันว่า กรมป่าไม้และกรมที่ดินจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ซึ่งเป็นอีกประเด็นว่า การได้มาซึ่งที่ดินตรงนี้ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องรื้อกัน ขณะนี้ได้มีการส่งเรื่องดังกล่าวทั้งหมดให้ทาง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดำเนินการต่อไปแล้ว” นายประสาร กล่าวในที่สุด
