ประจวบคีรีขันธ์ - ชาวบ้านตำบลนาหูกวาง อำเภอทับสะแก ร้องเรียนผ่านชมรมผู้สื่อข่าวประจวบคีรีขันธ์ ถึงปัญหาสภาพถนนเพชรเกษม-บ้านเหมืองแร่ ช่วงตั้งแต่หน้าวัดนาหูกวาง ระยะทางกว่า 100 เมตร ถนนได้รับความเสียหายมานานกว่า 2 ปี แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาทำการซ่อมแซม จนปัจจุบันกลายเป็นถนนลูกรัง เป็นหลุมเป็นบ่อ เกรงจะเกิดอันตราย เรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องไปซ่อมแซมเป็นการด่วน
วันนี้ (4 ส.ค.) นายสายชล ชนะภัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 พร้อมชาวบ้านตำบลหนาหูกวาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ร้องเรียนผ่านทางชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ว่า ได้ประสบปัญหาถนนสายเพชรเกษม-บ้านเหมืองแร่ ช่วงบริเวณหน้าวัดนาหูกวาง เป็นต้นไป สภาพถนนที่เคยลาดยางในปัจจุบันได้กลายเป็นถนนลูกรังไปแล้ว
โดยถนนช่วงดังกล่าวเสียหายมานานกว่า 2 ปี ระยะทางที่เสียหายกว่า 100 เมตร สภาพถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ บางช่วงเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ทำให้ชาวบ้านใน 4 หมู่บ้าน ของตำบลนาหูกวาง กว่า 500 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อน ทั้งในเรื่องของการสัญจรผ่านถนนเส้นดังกล่าว ซึ่งถือเป็นถนนสายหลักเข้าออกหมู่บ้าน ทั้งการขนถ่ายพืชผลการเกษตร โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ ที่ต้องคอยหลบหลุม
นางขวัญเรือน วรบุตร ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า ปัจจุบันได้มีรถบรรทุกทรายวิ่งเข้า-ออกวันละอย่างน้อยกว่า 50 เที่ยว นอกจากนี้ ในช่วงหน้าฝนตกถ้ามีฝนตกลงมายิ่งทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนหนัก เนื่องจากจะมองไม่เห็นผิวถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ และไม่มีท่อระบายน้ำ
อีกทั้งยังทำให้เด็กนักเรียนที่ต้องเดินทางไปเรียนหนังสือโดนโคลนกระเด็นใส่จากรถที่วิ่งผ่าน ทำให้เสื้อผ้านักเรียนเปื้อน รวมทั้งเวลาที่รถบรรทุก 10 ล้อขนทรายผ่านไปมายิ่งลำบาก เพราะทำให้ชาวบ้าน และเด็กที่สัญจรผ่านไปมาต้องคอยหลบเส้นทางที่ขรุขระ บางครั้งก็มีอันตรายเกิดขึ้น
ด้านนายประเสริฐ วงศ์ช้าง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 บ้านทุ่งตาแก้ว อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมชาวบ้านในตำบลนาหูกวาง อำเภอทับสะแก กล่าวว่า พวกตนอยากฝากวิงวอนไปทางอำเภอทับสะแก องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นาหูกวาง องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประจวบคีรีขันธ์ กรมทางหลวงชนบท และทางผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ช่วยตรวจสอบว่า ถนนเส้นดังกล่าวเป็นของหน่วยงานใด และให้มาดำเนินการซ่อมแซมถนนให้กลับคืนสู่ความเรียบร้อย ไม่ใช่ปล่อยประจานถึงความไม่ใส่ใจดูแล
“เนื่องจากที่ผ่านมา ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนมานาน และไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแลซ่อมแซมแต่อย่างใดเลย”