xs
xsm
sm
md
lg

ตร.โคราชรวบแก๊งขนไม้พะยูงข้ามชาติ แฉรับจ้างนายทุนเวียดนาม-แสบยัดเงิน จนท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ตร.โคราชรวบแก๊งลักลอบขนไม้พะยูงข้ามชาติ ได้ผู้ต้องหา 3 ราย เป็นชาวลาว 1 ราย พร้อมของกลางอื้อทั้งรถยนต์ เงินสด ทองรูปพรรณ สารภาพรับจ้างนายทุนชาวเวียดนามขนไปส่งที่ชายแดน จ.บึงกาฬ เผยชาวลาวติดต่อติดสินบนถูกวางแผนจับ ประเดิมประกาศ คสช.เพิ่มโทษไม้พะยูง สอบประวัติเคยถูกจับคดีขนพะยูงอยู่ระหว่างประกันตัว



เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (23 ก.ค.) ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประลอง ชอบงาม ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.ครบุรี และตัวแทนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊งตัดไม้พะยูง

ได้ผู้ต้องหา 3 ราย คือ นางทองพูล วงษาลี อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 ม.4 ต.ท่าดอกคำ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ นายพิสิฎฐ์ ทรัพย์อุภัย อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82/1 ม.4 ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี และ นางสุดสะดา อ้วนดี ชาวลาว อายุ 32 ปี อยู่แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว

พร้อมของกลาง ไม้พะยูงแปรรูปจำนวน 6 ท่อน ปริมาตรรวม 0.470 ลูกบาศก์เมตร รถยนต์ 2 คัน เงินสด 70,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ใช้ในการติดสินบนเจ้าพนักงาน และเงินสดจำนวน 380,000 บาท เป็นเงินที่เตรียมมาซื้อไม้พะยูง สร้อยคอทองคำ 2 เส้น กำไลข้อมือ 2 เส้น แหวนทองคำ 1 วง นาฬิกาเรือนทอง 1 เรือน รวมน้ำหนัก 12 บาท มูลค่า 237,600 บาท

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากชุดจับกุมมีข้อมูลว่าจะมีกลุ่มนายทุนจากต่างจังหวัดเข้ามาซื้อไม้พะยูงที่บ้านซับเจริญ ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา คืนวันที่ 22 ก.ค. จึงทำการสืบสวนหาข่าว กระทั่งเช้ามืดวันนี้พบรถยนต์ต้องสงสัยยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ ทะเบียน ญน 9294 กรุงเทพฯ วิ่งออกมาจากบ้านซับเจริญ จึงสะกดรอยตามมาผ่านเส้นทางถนนสายโคกกรวด-สระว่านพระยา อ.ครบุรี จึงแจ้งให้สายตรวจตำบลสระว่านพระยาตั้งจุดสกัดรถยนต์ต้องสงสัย

เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้น พบไม้พะยูงจำนวน 6 ท่อน/เหลี่ยม ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์โดยมีนายทองพูล เป็นคนขับ โดยนายทองพูลรับว่าได้เดินทางมาจาก จ.บึงกาฬ เพื่อมาซื้อไม้พะยูงในพื้นที่ อ.ครบุรี โดยมีนายทุนชาวเวียดนามชื่อ “เจ๊ฮง” ติดต่อซื้อไม้พะยูงจากคนไทยในพื้นที่บ้านซับเจริญในราคา 70,000 บาท และได้ติดต่อให้ นายพิสิฎฐ์ และนางสุดสะดา (ชาว สปป.ลาว) เป็นผู้ขับรถนำทาง ได้ค่าจ้าง 5,000 บาทโ ดยให้นำไม้ไปส่งที่ จ.บึงกาฬ ชายแดนไทย-สปป.ลาว แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับได้ก่อน

ต่อมานายพิสิฎฐ์ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเพื่อให้เงินสินบน 70,000 บาท จึงถูกเจ้าหน้าที่วางแผนซ้อนให้นำเงินมามอบให้ก่อนจะจับกุมทั้ง 2 คนได้อีก พร้อมยึดเงินสดได้เพิ่มอีก 380,000 บาท

จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพบว่านายพิสิฎฐ์เคยถูกจับกุมในพื้นที่ สภ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ในคดีลักลอบขนไม้พะยูงจำนวน 86 ท่อน เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2556 ปัจจุบันอยู่ระหว่างประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี ชุดจับกุมได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาเพื่อตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยผู้ต้องหาทั้งหมดจะต้องรับโทษตามประกาศของ คสช. ฉบับที่ 106/2557 ลงวันที่ 21 ก.ค. 2557 เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ โดยแก้ไขประเภทของไม้หวงห้ามและบทกำหนดโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2548 โดยมีสาระสำคัญคือ จากเดิม ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ ไม้พะยูงเป็นไม้หวงห้ามประเภท ข. เช่นเดียวกับไม้อื่นๆ เช่น ไม้เต็ง แดง ประดู่ การมีไม้พะยูงแปรรูปไว้ครอบครองจะเป็นความผิดต้องมีปริมาตรเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร แต่ตามประกาศ คสช.ดังกล่าวระบุว่า การมีไม้พะยูงไว้ในครอบครองแม้ว่าเพียงเล็กน้อยก็จะถือว่ามีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท

กำลังโหลดความคิดเห็น