ศูนย์ข่าวขอนแก่น - เจ้าหน้าที่ปกครองขอนแก่นผนึกทหาร ตำรวจกวดขันจับขบวนการค้าไม้พะยูงข้ามชาติ เผยวันเดียวได้ผู้ต้องหา 3 รายใน 3 คดี ได้ของกลางไม้พะยูงรวมกว่า 77 ท่อน ด้านพ่อเมืองขอนแก่นสั่งเพิ่มกำลังจุดตรวจตลอด 24 ชั่วโมง หวังป้องกันการลักลอบตัดและขนไม้พะยูง หลังพบการจับกุมขบวนการลักลอบค้าไม้พะยูงแทบทุกวัน
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรสีชมพู จังหวัดขอนแก่น นายกำธร ถาวรสถิต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อม พ.อ.ประกิจ ทัพทอง รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 แถลงจับกุมขบวนการค้าไม้พะยูงข้ามชาติ หลังเจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอสีชมพู ตำรวจ สภ.สีชมพู เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ขอนแก่นที่ 7 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดขอนแก่น และทหารจากมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร์ ได้สนธิกำลังออกจับกุมขบวนการค้าไม้พะยูงข้ามชาติในวันเดียวได้ผุ้ต้องหา 3 ราย จาก 3 คดี
โดยคดีที่ 1 จับกุมนายกิตติชัย สุดยอด อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 3 ตำบลศรีสุข อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น และนางเตียงทอง อายุ 53 ปี ชาวแขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว พร้อมของกลางไม้พะยูงจำนวน 37 ท่อน รถยนต์อีซูซุ หมายเลขทะเบียน 3926 ขอนแก่น รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ถูกจับกุมได้ที่บ้านหนองไฮ ตำบลนาจาน อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น
ขณะที่กำลังลำเลียงไม้พะยูงเพื่อนำไปที่จังหวัดบึงกาฬ ก่อนนำข้ามฝั่งไปยัง สปป.ลาว โดยนางเตียงทองเป็นกลุ่มค้าไม้พะยูงรายใหญ่ที่เข้ามาหาซื้อไม้พะยูงด้วยตนเองในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นมานานกว่า 2 ปี โดยจะมีการทำงานอย่างเป็นระบบ เมื่อได้ไม้พะยูงมาแล้วจะเปลี่ยนรถยนต์ขนไม้เพื่อหลีกหนีการจับกุม
ส่วนคดีที่ 2 จับกุมนายวิวัฒน์ คุ้มแวง อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/1 หมู่ 9 ตำบลบ้านฝาง อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น พร้อมของกลางไม้พะยูง 34 ท่อน รถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน บน 5 อุบลราชธานี โดยถูกจับกุมได้ที่บ้านโนนว่านไฟ ตำบลนาจาน อำเภอสีชมพู และคดีที่ 3 ตรวจยึดไม้พะยูงจำนวน 6 ท่อน ได้ที่บริเวณที่นาของนายสมพร พิทักษ์ ชาวบ้านบ้านหนองไฮ ตำบลนาจาน หลังสืบทราบว่ามีไม้พะยูงจำนวนดังกล่าวฝังไว้ในดินจึงยึดมาเก็บเพื่อติดตามหาเจ้าของไม้พะยูง
นายกำธร ถาวรสถิต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพิ่มกำลังตามจุดตรวจมากขึ้นและตรึงกำลังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาตัดและขนไม้พะยูงออกจากพื้นที่ โดยระยะหลังพบว่ามีการจับกุมขบวนการลักลอบค้าไม้พะยูงแทบทุกวัน
นอกจากนี้ยังได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน พื้นที่โดยรอบอุทยานแห่งชาติภูเวียงให้จัดเวรยามประจำหมู่บ้านเพื่อช่วยสอดส่องพฤติกรรมของคนในหมู่บ้านและบุคคลแปลกหน้าที่เข้ามาในหมู่บ้านที่มีพฤติกรรมเดียวกับขบวนการค้าไม้พะยูง หากพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยตรวจสอบ ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของ คสช.ที่ระดมกวาดล้างขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูงให้หมดไปจากผืนแผ่นดินไทย