กาฬสินธุ์ - นักศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์แถลงไม่เกี่ยวข้องกับคลิปครูบังคับแสตมป์เซเว่นฯ-เครื่องแก้วแลกเกรด ระบุเป็นการเต็มใจมอบเครื่องแก้วไว้ใช้ในห้องเรียน ส่วนแสตมป์นำไปบริจาค และไม่เคยร้องเรียน ขณะอธิการบดีเชื่อนักศึกษาอาจถูกบังคับ ระบุผลสอบวินัยผิดร้ายแรงถึงขั้นไล่ออกและปลดออก มั่นใจพยานหลักฐานครบ
จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปแสตมป์แลกเกรด ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงยูทิวบ์ ชื่อ “อาจารย์ราชภัฏสาว แสตมป์เซเว่นฯ-เครื่องแก้วแลกเกรด” ซึ่งระบุว่าถูกบันทึกเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2557 จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างกว้างขวาง กระทั่งมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและตั้งคณะกรรมการสอบวินัยอาจารย์สาว ซึ่งสอนวิชาสาขาปฐมวัย คณะครุศาสตร์คนดังกล่าว
ล่าสุดวันนี้ (17 ก.ค.) ตัวแทนนักศึกษาวิชาเอกการศึกษาปฐมวัย ชั้นปีที่ 4 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ ทั้งกลุ่มศูนย์ในและศูนย์นอก หรือนักศึกษาปฐมวัย 53 จำนวน 27 คน ร่วมกันแถลงชี้แจงถึงกรณีคลิปภาพวิดีโอที่ถูกโพสต์ออกไป โดยระบุว่านักศึกษาปฐมวัย 53 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับคลิปดังกล่าว
อีกทั้งยังไม่เคยร้องเรียนถึงพฤติกรรมของอาจารย์ที่สอนรายวิชาสัมมนาและจิตวิทยา สาขาปฐมวัยคนนี้ ที่ให้นำแสตมป์เซเว่นฯ-เครื่องแก้วมาแลกเกรดแต่อย่างใด แต่เป็นการเต็มใจของนักศึกษาที่ต้องการมอบสิ่งของ เช่น แก้ว ถ้วย จาน ช้อนส้อม ให้กับภาควิชาปฐมวัยเพื่อใช้ในโอกาสที่จำเป็น ส่วนแสตมป์เซเว่นฯ นั้นก็เป็นการเต็มใจนำมามอบเพื่อไปบริจาค และกรณีการร้องเรียนบังคับให้ไปศึกษาดูงานต่างประเทศนั้นก็เป็นความเต็มใจของนักศึกษาเช่นกัน
นางสาวสุธาวัลย์ น้อยเสนา อายุ 26 ปี ตัวแทนนักศึกษา แถลงว่า ตามที่มีกระแสข่าวในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้นักศึกษาปฐมวัย 53 มหาวิทยาลัย และอาจารย์ได้รับความเสียหาย เนื่องจากข้อความที่บรรยายในคลิปไม่เป็นเรื่องจริง คณะนักศึกษาปฐมวัย 53 จึงขอชี้แจงเรื่องดังกล่าว ดังนี้
1. เรื่องแสตมป์ในวิชาจิตวิทยาและการแนะแนวสำหรับครู อาจารย์ให้นักศึกษาทำรายงานหานักทฤษฎีด้านสังคม อารมณ์มาส่งภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่นักศึกษาแจ้งกับอาจารย์ว่าไม่ทัน แล้วเสนออาจารย์ว่าขอเอาแสตมป์เซเว่นฯ มาส่งเป็นคะแนนจิตพิสัย 5 คะแนน โดยได้ปรึกษากันว่าแสตมป์ที่นำมาส่งจะนำไปบริจาคให้มูลนิธิ
พร้อมนี้อาจารย์ได้อบรมนักศึกษาเกี่ยวกับการทำงาน อาจารย์ได้พูดว่า “อะไรที่ซื้อมาด้วยเงิน พวกคุณสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว แต่อะไรที่ต้องใช้สติปัญญาพวกคุณกลับบอกว่าไม่ทัน” หลังจากที่นักศึกษานำแสตมป์มาให้ อาจารย์ได้เอาแสตมป์รวบรวมให้นักศึกษาไปปิดบริจาคที่บอร์ดบริจาคเซเว่นฯ อาจารย์ไม่ได้เป็นผู้เรียกร้องให้นักศึกษาเอาแสตมป์มาแลกเกรดตามที่เป็นข่าว
นักศึกษาทั้งห้องเรียนมีทั้งหมด 20 คน ได้เกรด A 2 คน B+ 2 คน B 4 คน ที่เหลือได้ C+ ซึ่งหากเรื่องนี้เป็นจริงทุกคนคงได้เกรด A ทุกคน ซึ่งไม่มีใครนำแสตมป์มามอบคนละ 400 ดวง แต่นำมามอบรวมแล้วเพียง 27 ดวงเท่านั้น
2.เรื่องแก้ว นักศึกษาจบภาคทฤษฎีแล้วจึงได้นำแก้วมามอบให้สาขาปฐมวัยเป็นที่ระลึกและไว้ใช้ในส่วนรวม โดยเขียนข้อความใต้แก้วว่า ปฐมวัย 53 ซึ่งอาจารย์ไม่ได้เรียกร้องแต่อย่างใด
3. เรื่องการศึกษาดูงานที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายคนละ 7,300 บาท นั้น เป็นมติและนักศึกษาเห็นด้วยทุกคน โดยที่อาจารย์ไม่ได้บังคับ
4. เรื่องการขอขมา ซึ่งในคลิประบุว่าอาจารย์ให้ขอขมา แต่ความจริงนักศึกษาตั้งใจมาขอขมาด้วยความจริงใจกรณีที่มีการร้องเรียนอาจารย์
5. เรื่องคณบดีบังคับให้นักศึกษาลงชื่อ ไม่เป็นความจริง เนื่องจากนักศึกษาตั้งใจมาให้การว่าไม่ได้เป็นผู้ร้องเรียนเอง จึงได้ลงลายมือชื่อด้วยความสมัครใจ
6. กรณีคลิปในปล่อยออกไป ซึ่งมีทั้งการบรรยาย เพลงประกอบ เทคนิคการทำมัลติมีเดียสอบถามแล้วไม่มีใครทำเป็น เป็นการทำขึ้นของบุคคลอื่นที่ต้องการกล่าวร้ายและหมิ่นประมาททำให้อาจารย์เสียหาย
7. เรื่องการร้องเรียน นักศึกษาทั้งหมดไม่มีใครร้องเรียนอาจารย์ในเรื่องนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของบุคคลที่สาม ที่พยายามหาทางกลั่นแกล้ง โดยการทำหนังสือร้องเรียนส่งไปทางมหาวิทยาลัย โดยลงชื่อผู้ร้องเรียนว่า ปฐมวัย 53 ซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 ที่อยู่เบื้องหลัง เจตนายืมมือนักศึกษาที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งอาจารย์
นางสาวสุธาวัลย์ น้อยเสนา อายุ 26 ปี ตัวแทนนักศึกษา กล่าวว่า การออกมาแถลงข่าวครั้งนี้เป็นการปกป้องชื่อเสียงของนักศึกษาปฐมวัย 53 และชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่อยากตกเป็นเครื่องมือใคร
ส่วนสาเหตุที่อาจารย์ไม่ออกมาแถลงร่วมด้วยนั้น เพราะเกรงว่าจะเป็นการเข้าใจผิดว่า อาจารย์เป็นคนสั่งให้นักศึกษาออกมาแถลง ซึ่งยืนยันว่าไม่มีใครบังคับให้แถลงข่าวในครั้งนี้
ด้าน ผศ.นพพร โฆสิระโยธิน รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ กล่าวว่า การออกมาแถลงชี้แจงของนักศึกษาปฐมวัย 53 ครั้งนี้จะต้องดูว่ามาครบหรือไม่ ส่วนผู้ที่ออกมาจะต้องตรวจสอบว่าอาจจะถูกบังคับหรือข่มขู่มาหรือไม่ แต่คาดว่านักศึกษาน่าจะมีเหตุผลบางอย่างจึงจำเป็นต้องออกมาแถลง
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวมาถึงขั้นนี้แล้ว ประกอบกับที่ผ่านมามีการร้องเรียน และมีพยาน หลักฐานชัดเจน จนมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งผลออกมาปรากฏว่ามีมูลความผิด จากนั้นได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ซึ่งปกติจะต้องใช้เวลา 180 วัน
แต่กรณีดังกล่าวถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งขณะนี้ผลของคณะกรรมการก็ส่งมาถึงแล้วว่าสรุปมีความผิดวินัยร้ายแรง มีโทษถึงขั้นไล่ออกและปลดออก แต่อยู่ระหว่างขั้นตอนของขบวนการกฎระเบียบ เพราะอาจารย์คนดังกล่าวมีตำแหน่งเป็นพนักงานราชการ ซึ่งจะต้องทำตามหลักเกณฑ์ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการมั่นใจในพยานหลักฐาน หากพบว่าผิดก็ว่าไปตามความผิด คงไม่สามารถยอมความกันได้