ปลัดฯ อุบลลงพื้นที่ดูตลิ่งน้ำมูลเซาะหลังชาวบ้านร้องผู้รับเหมาลอบขุดดินขาย

อุบลราชธานี - ปลัดจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมตัวแทนทหารจากมณฑลทหารบกที่ 22 เทศบาลเมืองแจระแม ลงพื้นที่ตรวจสภาพน้ำจากลำน้ำมูลน้อยที่กัดเซาะตลิ่งหนองน้ำสาธารณะบ้านท่าบ่อ จนบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ เหตุนายทุนผู้รับเหมาขุดดินสาธารณะไปขาย

จากกรณีชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเมืองอุบลราชธานีรวมตัวประท้วงขับไล่ผู้รับเหมาไม่ให้ขุดดินในที่สาธารณะไปขายเมื่อสองเดือนก่อน เพราะเกรงฤดูน้ำหลากจะทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย

ต่อมาวันนี้ (16 ก.ค.) นายเกรียงเดช วัฒนวงษ์สิงห์ ปลัดจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมตัวแทนทหารจากมณฑลทหารบกที่ 22 เทศบาลเมืองแจระแม อ.เมืองอุบลราชธานี ได้เข้าตรวจสภาพน้ำจากลำน้ำมูลน้อยที่กัดเซาะตลิ่งหนองน้ำสาธารณะบ้านท่าบ่อ จนทำให้ระดับน้ำอยู่ห่างจากบ้านเรือนประชาชนประมาณ 3-5 เมตร และน้ำมีความลึกมากกว่าปกติจนทำให้สำนักงานเทศบาลเมืองแจระแม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ต้องทำป้ายเตือนไม่ให้ลงเล่นน้ำ ตามที่ชาวบ้านได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อทางจังหวัดให้ช่วยแก้ไขปัญหาเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

จากการลงพื้นที่ตรวจดูข้อเท็จจริง และประชุมร่วมกับชาวบ้านในชุมชน ได้ข้อสรุปเบื้องต้นในการแก้ปัญหาไม่ให้ตลิ่งพังสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนประชาชนที่ปลูกสร้างอยู่จำนวนหลายสิบหลัง และไม่ให้น้ำลึกจนเกินไป ทางจังหวัดจะขอดินจากที่สาธารณะใกล้เคียงเข้ามาถมเพื่อไม่ให้ตลิ่งทรุดตัวมากไปกว่านี้ และเมื่อฤดูน้ำหลากผ่านไปจะให้สำนักงานโยธาจังหวัดใช้งบประมาณของอำเภอมาทำเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง แล้วดำเนินการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นแหล่งพักผ่อนทางน้ำตามโครงการเดิม

ส่วนการตรวจวัดปริมาณหน้าดินว่า ผู้รับเหมาขุดดินออกไปเกินปริมาณที่ตกลงกันไว้หรือไม่นั้นก็จะให้มีทำการตรวจวัดหลังน้ำลดลงแล้ว

สำหรับการประท้วงการขุดดินที่สาธารณะไปขายของชาวชุมชนท่าบ่อ ต.แจระแม อ.เมือง จ.อุบลราชธานีนั้น เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยชาวบ้านได้รวมตัวกันขับไล่รถผู้รับเหมาไม่ให้ตักดินจากที่สาธารณะไปขายอีก หลังพบว่ามีการขุดดินไปจนเกินปริมาณของโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์หนองน้ำสาธารณะของชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งทางอำเภอได้ให้ผู้รับเหมาเข้าขุดดินออกไปขายได้ตามโครงการต่างตอบแทน

แต่ภายหลังชาวบ้านพบว่าการทำโครงการดังกล่าวมีการขุดดินเข้าใกล้บ้านเรือนของประชาชนและมีการขุดดินเกินปริมาณไปจำนวนมาก ทำให้เกรงว่าเมื่อถึงฤดูน้ำหลากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นที่พื้นรับน้ำจากแม่น้ำมูลน้อยจะไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน