สามหน่วยงานรัฐเร่งตรวจสอบน้ำเน่าคลองแพรกบางเตย แปดริ้ว

ฉะเชิงเทรา - สามหน่วยงานรัฐลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำในลำคลองแพรกบางเตย จุดเชื่อมต่อคลองแขวงกลั่นบน พบมีค่าความสกปรกเกินกว่าค่ามาตรฐานน้ำผิวดิน แต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต สาเหตุเกิดจากการทับถมของวัชพืช ทำการไหลเวียนน้ำในลำคลองไม่สะดวก

วันนี้ (2 ก.ค.) เจ้าหน้าที่จากสามหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต่อปัญหาน้ำเน่าเสียในลำคลองแขวงกลั่นบน และคลองแพรกบางเตย ซึ่งประกอบด้วย นายอดิศักดิ์ กาญจนสาขา ผอ.ส่วนงานสิ่งแวดล้อมสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา นายสุรพล อนุสรหิรัญการ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต นายอัครพงศ์ สังแก้ว วิศวกรชำนาญการ สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางลงพื้นที่พบปะ และชี้แจงทำความเข้าใจต่อชาวบ้าน พร้อมทำการตรวจสอบคุณภาพน้ำในลำคลอง และน้ำประปาหมู่บ้านที่ชาวบ้านใช้ในการอุปโภค

หลังการตรวจสอบวัดค่าออกซิเจนละลายในน้ำด้วยการตักน้ำในลำคลองที่เกิดการเน่าเสียขึ้นมาตรวจวัดคุณภาพของน้ำด้วยเครื่อง Pastel UV พบว่า น้ำในลำคลองเกิดการเน่าเสียจริงโดยสามารถตรวจวัดค่าความสกปรก (BOD) ในน้ำได้สูงถึง 17.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ในการตรวจวัดครั้งแรก และการตรวจวัดครั้งที่สอง ได้ค่า19.4 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งถือว่าคุณภาพน้ำไม่ดีต้องระมัดระวังในการนำไปใช้ เพราะปกติในน้ำผิวดินทั่วไปที่ชาวบ้านจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้นั้นค่าความสกปรกของน้ำจะต้องไม่เกิน 3-5 มิลลิกรัมต่อลิตรเท่านั้น

นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการเน่าเสียของน้ำในลำคลองนี้ยังถือว่าไม่ถึงขั้นวิกฤตซึ่งหากถึงขั้นวิกฤตนั้นค่าความสกปรกที่วัดได้จะต้องมากเกินกว่า 30 มิลลิกรัมต่อลิตรขึ้นไป ส่วนการที่ชาวบ้านจะนำไปใช้ก็ต้องระมัดระวังเพราะอาจก่อให้เกิดปัญหาต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ และสุขภาพอนามัยของแต่ละคนได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการแพ้สูงนั้นจะต้องระมัดระวังอย่างมากกว่าปกติ

ส่วนคุณภาพของน้ำประปาหมู่บ้านนั้น จากการตรวจวัดคุณภาพแล้วค่าความสกปรกเกินจากค่ามาตรฐานไปเพียงเล็กน้อย ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นในส่วนของกระบวนการปรับปรุงคุณภาพน้ำในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งที่อาจจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ จึงทำให้ได้ค่าความสกปรกสูงเกินกว่าค่ามาตรฐานของน้ำประปาที่ดีคือ ไม่ควรเกินจาก 2 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งจากการตรวจวัดน้ำประปาหมู่บ้านที่นี่ได้ค่าความสกปรกที่ 3.9 มิลลิกรัมต่อลิตร

นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับสาเหตุนั้นหากดูจากสภาพของลำน้ำแล้วเชื่อว่าไม่ได้เน่าเสีย หรือเป็นอย่างนี้ตลอดทั้งสาย จึงสันนิษฐานว่า ในแต่ละช่วงของลำคลองนั้นน่าจะเกิดจากการหมักหมมจนเกิดการเน่าเสียของวัชพืชในน้ำ จึงส่งผลทำให้คลองตื้นเขิน และทำให้การระบายน้ำไม่ดีเท่าที่ควร