นครพนม - ป่าไม้รวบหนุ่มผู้รับเหมา ซิ่งวีโก้ดัดแปลงเป็นรถห้องเย็นซุกไม้พะยูงขนจากขอนแก่นส่งริมโขงนครพนม อ้างรับจ้างจากนายทุน 2 หมื่นบาท อยากหาเงินไว้ฝากท้องทำคลอดเมียซึ่งท้องได้ 4 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา นายวีระ มานิสสรณ์ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 สาขานครพนม รับแจ้งว่าจะมีขบวนการลักลอบลำเลียงไม้พะยูงเถื่อนเข้ามาในพื้นที่ อ.บ้านแพง เพื่อเตรียมนำลงเรือตลิ่งแม่น้ำโขงส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
จึงสั่งการให้นายพรภิรมณ์ อุระแสง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นพ.1 (พนอม) นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 10 นายตั้งด่านสกัดกั้นเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะขับรถวิ่งผ่าน
กระทั่งเวลา 01.30 น. พบรถยนต์กระบะต้องสงสัยตามที่รับแจ้ง ขณะวิ่งมาตามถนนสายคำแม่นาง-บ้านแพง บริเวณบ้านโคกยาว ริมถนนหมายเลข 212 ต.โพนทอง ด้วยความเร็วสูง จึงส่งสัญญาณให้หยุด และแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานเพื่อขอตรวจค้น
พบท้ายกระบะรถโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน ถอ 7135 กรุงเทพมหานคร มีโครงหลังคาดัดแปลงคล้ายรถห้องเย็น มีไม้พะยูงจำนวน 31 ท่อน มีทั้งท่อนกลมและท่อนเหลี่ยม ความยาวแต่ละท่อน 3-4 เมตร บางแผ่นหน้ากว้าง 80 ซม. ปริมาตร 1.43 ลูกบาศก์เมตร มูลค่า 1.5 ล้านบาท มีนายปรีชา อภัยโส วัย 35 ปี เป็นคนขับ และพบนายพงษ์พิทักษ์ สุขสบาย อายุ 34 ปี นั่งเบาะข้างที่นั่งคนขับ จึงคุมตัวมาสอบสวน
เบื้องต้นนายปรีชารับสารภาพว่ามีอาชีพรับเหมาก่อสร้างใน อ.บ้านแพง ก่อนได้รับการว่าจ้าง 20,000 บาทจากนายทุนคนหนึ่งให้บรรทุกไม้จำนวนดังกล่าวจากต้นทาง จ.ขอนแก่น มาส่งทางชายแดนตลิ่งแม่น้ำโขงบริเวณ ต.นาเข เพื่อส่งข้ามไปฝั่งลาว มีปลายทางที่ประเทศจีน แต่ยังไปไม่ถึงจุดนัดพบถูกสกัดจับกุมได้เสียก่อน
นายพงษ์พิทักษ์อ้างว่า รับงานรับจ้างขนไม้พะยูงเป็นครั้งแรก หวังจะนำเงินไปฝากท้องทำคลอดภรรยาที่เพิ่งอุ้มท้องได้ 4 เดือน
เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวสอบสวนขยายผลเพื่อนร่วมแก๊งที่เหลือ นำของกลางส่งพนักงาน สภ.บ้านแพง ดำเนินคดีในข้อหา มีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไม้แปรรูปยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
นายวีระระบุว่า ไม้พะยูงล็อตนี้เจ้าหน้าที่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของแก๊งลอบขนไม้เถื่อนข้ามชาติมานานหลายเดือนแล้ว ก่อนใช้รถที่ดัดแปลงเป็นห้องเย็นอำพรางตบตาเจ้าหน้าที่ แต่ไม่สามารถรอดพ้นไปได้ ไม้พะยูงแปรรูป 3-4 แผ่น หน้ากว้าง 80 ซม. เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ หากเล็ดลอดไปอาจมีมูลค่าสูงถึงแผ่นละ 4-5 แสนบาท