ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “ป.ป.ช.” โละบัญชีแต่งตั้ง “ป.ป.จ.” ที่รอดำเนินการ 48 แห่งทั่วประเทศ ตามคำสั่ง คสช. เพื่อเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ทั้งหมด เหตุหวั่นฮั้วกัน และการเมืองแทรกแซง คาดสัปดาห์หน้าหารือคณะกรรมการ ป.ป.ช.ออกระเบียบใหม่ พร้อมเสนอปฏิรูปเพิ่มอำนาจ ป.ป.ช. ตรวจสอบบริษัทเอกชน และตามริบทรัพย์ได้เสมอแม้ขายไปแล้ว หรือหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ
วันนี้ (28 มิ.ย.) ที่โรงแรมดุสิตปริ๊นเซสโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจิตรแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ยุทธศาสตร์การบูรณาการด้านการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารองค์กรในระดับจังหวัด” ถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งตามประกาศฉบับที่ 72/2557 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยในข้อ 3 การสรรหาคัดเลือกและแต่งตั้งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัด (ป.ป.จ.) ที่ได้ดำเนินการไปแล้วเป็นอันใช้ได้ ส่วนที่อยู่ระหว่างดำเนินการคัดเลือกและแต่งตั้งของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ชะลอไว้ก่อนจนกว่าจะมีประกาศเป็นอย่างอื่นว่า
เนื่องจากทาง คสช. เห็นว่า การแต่งตั้ง ป.ป.จ.จังหวัดในรูปแบบเดิมนั้น อาจถูกแทรกแซงได้โดยวิธีการฮั้วกัน หรือทางฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซง จึงให้มีคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาดำเนินการ ซึ่งขณะนี้มีการแต่งตั้ง ป.ป.จ.ไปแล้ว 28 จังหวัด และยังเหลืออยู่อีก 48 จังหวัดที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการแต่งตั้ง ซึ่งจะต้องมาเริ่มต้นตามคำสั่งของ คสช.ที่ออกมาใหม่โดยคณะกรรมการชุดใหม่ 5 คนที่ คสช. มีคำสั่ง ซึ่งมีรองเลขาธิการ หรือผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ช.เป็นประธาน และ ผอ.เป็นเลขานุการ
ฉะนั้นต่อจากนี้ต้องทำใหม่หมดทั้ง 48 จังหวัด ส่วน 28 จังหวัดที่ดำเนินการแล้วเสร็จก็ให้ทำงานต่อไป แต่ภารกิจจะลดลงโดยให้เน้นทางด้านการป้องกันการทุจริต คือ สร้างเสริมทัศนคติ ปลูกฝังทัศนคดี สร้างเครือข่าย ส่วนเรื่องการปราบปรามการทุจริตก็ให้เลิกตามคำสั่งของ คสช. ซึ่งจากนี้ไปคงต้องไปออกระเบียบ และประชุมหารือถึงการดำเนินการอีกครั้ง และคงต้องมีการปรับระเบียบเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่ง คาดว่าจะมีการประชุม ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาในเรื่องดังกล่าวภายในสัปดาห์หน้านี้
“อย่างไรก็ตาม การที่ คสช.มีคำสั่งดังกล่าวไม่ได้ส่งผลทำให้งานของ ป.ป.ช.มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะปัจจุบัน ป.ป.ช. ทำหน้าที่กันอยู่แล้วเพียงแต่ว่าการที่มี ป.ป.จ.นั้นเราให้ลงไปด้วยและให้กำหนดเขตพื้นที่รับผิดชอบ แต่หากยังไม่มีเจ้าหน้าที่ก็ต้องลงไปเอง ซึ่งเราก็มีเครือข่ายอยู่แล้วแต่ละพื้นที่” นายวิชา กล่าว
นายวิชา กล่าวต่อว่า ส่วนการเสนอกฎหมายให้ ป.ป.ช.สามารถตรวจสอบภาคเอกชนได้เหมือนข้าราชการ นั้น นายวิชา กล่าวว่า รอให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติก่อน ทาง ป.ป.ช.จะเสนอแก้ไขกฎหมายเรื่องดังกล่าว รวมถึงการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต ซึ่งค้างมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว และตกไป เช่น เรื่องอายุความในเรื่องการติดตามตัวในระหว่างที่หลบหนีคดี ซึ่งเดิมเฉพาะช่วงพิจารณาคดีอายุความจึงจะหยุดลง แต่เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้วไม่มีกฎหมายที่ให้อายุความหยุดลง หรือขยายให้อายุความยาว หรือไม่มีอายุความสิ้นสุดเลยซึ่งเรื่องนี้จะได้เสนอเข้าไปใหม่
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการริบทรัพย์สิน ซึ่งแต่เดิมเราริบตัวทรัพย์นั้นเลย แต่ไม่เคยประเมินมูลค่า แต่กฎหมายใหม่ที่จะเสนอเข้าไปนี้ คือ หากยึดทรัพย์สินนั้นไม่ได้ ก็ต้องยึดทรัพย์สินหรือต้องไปเอาทรัพย์สินอื่นของบุคคลนั้นในมูลค่าที่เท่านั้น หมายความว่าสามารถที่จะเอาทรัพย์จากตัวผู้กระทำผิดได้เสมอ ที่ผ่านมา หากผู้กระทำผิดขายบ้านหรือทรัพย์สินไปแล้วเราไม่สามารถยึดอะไรได้
ฉะนั้น สหประชาชาติจึงบอกว่าให้ออกกฎหมายที่ให้คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินและให้ติดตามได้เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ใด เช่นเดียวกับกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปอยู่ในต่างประเทศ และมีการเรียกสินบนอันนี้ก็ให้ติดตามเอาตัวมาลงโทษได้เสมอ นายวิชา กล่าว
