“มือปราบโกงจำนำข้าว” เชียร์แนวคิด “วิชา” แก้ กม.ป.ป.ช. เพิ่มอำนาจสอบเอกชนเอี่ยวโกง ชี้ ร่วมหัวการเมือง - ขรก. ทุจริต ยกตัวอย่างจำนำข้าวโกงเสียหายย่อยยับ เอกชนตัวดี หนุนเร่งแก้ปิดช่องโกง
วันนี้ (15 มิ.ย.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายวิชา มหาคุณ กรรมการและโฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะเสนอแก้ไขกฎหมาย ป.ป.ช. ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยการเพิ่มอำนาจ ป.ป.ช. ในการสอบ ไต่สวนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตด้วยนั้นว่า ตนสนับสนุนแนวคิดนี้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะจะเห็นชัดเจนว่าการทุจริตในโครงการของรัฐบาลส่วนใหญ่องค์ประกอบหลักที่เกี่ยวข้องในการคอร์รัปชัน คือ ฝ่ายการเมือง ฝ่ายข้าราชการประจำเลวๆ บางส่วน และฝ่ายเอกชนที่วิ่งเข้ามารับงาน เป็น 3 ประสาน ซึ่งกฎหมาย ป.ป.ช. ที่มีผลบังคับใช้อยู่ปัจจุบันนี้ ให้อำนาจ ป.ป.ช. สอบแค่ฝ่ายการเมืองและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง หากมีการเสนอให้ คสช. นำไปปรับเปลี่ยนแก้ไขเพิ่มอำนาจในการเรียกสอบฝ่ายเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในเชิงการให้ข้อมูลแวดล้อม และบริษัท หรือเครือข่ายเอกชนที่ไปร่วมรีบงาน หรือร่วมเครือข่ายการโกงด้วยก็จะครบวงจร
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ตัวอย่างการทุจริตคอร์รัปชันที่ชัดเจนที่สุด และมีผลเสียหายย่อยยับมาแล้ว คือ โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมา ที่มีตัวหลัก 3 องค์ประกอบที่ว่า คือ ฝ่ายการเมือง ฝ่ายข้าราชการและฝ่ายเอกชน ที่การทุจริตเกิดขึ้นได้จนเสียหายมหาศาลหลายแสนล้าน ก็เพราะมีภาคเอกชนเข้ามารับดำเนินการ หรือเป็นตัววิ่งชนงานเพื่อรับดำเนินการแทน ถือว่าภาคเอกชนเป็นตัวหลักในการทุจริตจนเกิดความเสียหายมหาศาลขนาดนี้ คือ บรรดาเจ้าของ โรงสี โกดังเก็บข้าวเอกชนที่ร่วมโครงการทั้งที่ปล่อยให้เกิดการสวมสิทธิ์ ลับลอกนำข้าวออกไปเวียนเทียน หรือข้าวหาย โดยมีข้าราชการบางส่วนหลิ่วตา จึงถือเป็นข้อเสนอที่ดีและควรเร่งนำมาสู่ภาคปฏิบัติให้เร็วที่สุด เพราะคิดว่าการแก้ไขกฎหมายนี้คงไม่ยุ่งยาก ถือเป็นการอุดรูรั่วหรือปิดช่องทางของปัญหาที่มองเห็นว่าเกิดขึ้น เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นมีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากที่สุด ในการใช้งบประมาณแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน