มหาสารคาม - ตำรวจมหาสารคาม สนธิกำลังทหาร และปกครองจังหวัด ออกตรวจจับแรงงานต่างด้าวชาวเขมร ส่งกลับประเทศ หลังพบไม่มีใบอนุญาตทำงาน
วันนี้ (21 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.เมืองมหาสารคาม พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.มหาสารคาม พ.ต.อ.อุดมศักดิ์ เปลี่ยนขำ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม เจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังรักษาความสงบ จ.มหาสารคาม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.เมืองมหาสารคาม ร่วมกันสอบสวน และตรวจสอบเอกสารอนุญาตทำงานแรงงานชาวกัมพูชา จำนวน 9 คน และเด็กเล็กอายุประมาณ 2-5 ปี จำนวน 2 คน เป็นลูกของชาวกัมพูชา รวมทั้งหมด 11 คน
หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ สนธิกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณจุดทำงานก่อสร้าง 2 แห่ง ในมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และบริเวณจุดก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรร หมู่บ้านศรีวลี ใกล้กับแยกพละ ในพื้นที่ตำบลท่าสองคอน อ.เมืองมหาสารคาม ตามที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า มีแรงงานชาวกัมพูชาต้องสงสัยว่าจะเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย
จากการตรวจสอบชาวกัมพูชาทั้งหมดเบื้องต้นพบว่า มีเพียง 4 คน ที่มีใบอนุญาตทำงาน แต่กำหนดอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่วนอีก 7 คน ไม่มีใบอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักรไทย
พ.ต.อ.อุดมศักดิ์ เปลี่ยนขำ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า แรงงานส่วนหนึ่งถูกนายหน้าพาเข้ามาจากประเทศกัมพูชาตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ เข้ามาพักอยู่ที่ จ.ปทุมธานี ก่อนจัดให้แยกย้ายให้ไปทำงานในหลายพื้นที่ โดยแรงงานที่ควบคุมตัวมาจากจุดก่อสร้างบ้านจัดสรรเพิ่งถูกโยกย้ายมาจากกรุงเทพฯ ให้มาทำงานที่มหาสารคาม ได้ประมาณ 1 เดือน ได้ค่าจ้างวันละ 250 บาท
ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานได้พยายามติดต่อว่าจ้างให้คนไทยช่วยพากลับประเทศกัมพูชา เพราะได้ติดตามข่าวในทีวีว่ามีการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว และมีข่าวลือในทางไม่ดีจึงเกรงจะไม่ปลอดภัย
โดยคนไทยที่รับปากจะพากลับกัมพูชาคิดค่าหัวคนละ 2,000 บาท แต่ยังไม่มีเงินจ่ายต้องรอเงินออกสิ้นเดือนเลยถูกเข้าจับกุมเสียก่อน
ทั้งนี้ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม ยืนยันว่า ปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม ยังไม่มีนโยบายที่จะกวาดล้างจับกุมแรงงานต่างด้าว ตามที่มีข่าวลือในหลายจังหวัดของประเทศไทย เนื่องจาก คสช.ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่า คสช.มีเพียงนโยบายที่จะจัดระเบียบให้ถูกต้อง และเปิดโอกาสให้แรงงานดังกล่าวจัดทำเอกสารของตัวเองให้เป็นไปตามกฎหมายแรงงานของไทย โดยจะไม่ใช้วิธีการดำเนินการต่อแรงงานต่างด้วยความรุนแรง
แต่การจับกุมครั้งนี้เป็นตามหน้าที่ที่ได้รับการแจ้งจากพลเมืองดี จึงต้องทำตามกฎหมาย โดยแรงงานคนใดที่มีใบอนุญาตทำงาน แต่เคลื่อนย้ายออกมานอกพื้นที่ที่กำหนดก็จะต้องดำเนินการตามระเบียบ เช่น เสียค่าปรับ ส่วนแรงงานที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานก็จะส่งกลับบ้านเกิดตามหลักปฏิบัติของกฎหมายไทยต่อไป
