xs
xsm
sm
md
lg

ชาวนากลุ่มอนุรักษ์ดินแนะเกษตรกรปรับตัวหนุนการพึ่งตนเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฉะเชิงเทรา - ชาวนากลุ่มอนุรักษ์การทำการเกษตรแบบดั้งเดิม แนะกลุ่มชาวนายุคใหม่ให้รู้จักปรับตัวเพื่อความอยู่รอด บอกให้มุ่งเน้นด้านการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก เผยใช้วิธีเกษตรกรรมธรรมชาติช่วยลดต้นทุนการผลิตได้จริง ระบุราคาต้นทุนเริ่มต้นอยู่ที่เพียงไร่ละ 2,600 บาท

วันนี้ (19 มิ.ย.) g,njvเวลา 08.30 น. กลุ่มเกษตรกรพึ่งพาตนเองตามวิถีเกษตรกรรมธรรมชาติ ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงกรณี คสช.ไม่ได้มุ่งเน้นในการให้การช่วยเหลือชาวนาในด้านของราคาผลผลิตข้าวตามแนวทางประชานิยมของบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมา แต่จะหันกลับมาให้การช่วยเหลือเกษตรกรในด้านของต้นทุนการผลิต เป็นเงินจำนวน 500 บาทต่อไร่ แต่ไม่เกิน 15 ไร่ รวมถึงการช่วยผ่อนเบาภาระอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงนั้น

นายสุทิน สวัสดี อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/3 ม.9 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เกษตรกรชาวนา ทำนาในที่ดินของตนเอง จำนวน 16 ไร่ ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์วิถีการเกษตรธรรมชาติ ผู้รณรงค์การทำนาโดยไม่เผาตอซัง กล่าวว่า การอยู่รอดของชาวนาในอนาคตนั้นเกษตรกรจะต้องรู้จักการพึ่งพาตนเอง ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย จากการพิจารณาดูว่าค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่ไม่จำเป็นนั้น ก็ให้หาทางลดการใช้จ่ายลง หรือตัดออกไป

เช่น การลดการใช้สารเคมี หรือปุ๋ยเคมี โดยให้พิจารณาดูด้วยว่าปุ๋ยนั้นควรจะใส่มากน้อยแค่ไหนในนาแต่ละแปลง และสารเคมีบางอย่างโดยเฉพาะสารกำจัดแมลงนั้น เราสามารถที่จะสร้างขึ้นจากธรรมชาติได้ ด้วยสมุนไพร หรือวัตถุดิบจากธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องไปพึ่งพาสารเคมีตามท้องตลาด หรือหากจะใช้ก็ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้าย และใช้เท่าที่จำเป็น

แต่ที่ผ่านมา เกษตรกรส่วนใหญ่นั้นยังไม่เข้าใจ และไม่เชื่อมั่นในการที่จะหาวัสดุจากธรรมชาติที่จะนำมาช่วยในการลดต้นทุน กำจัดแมลง ฆ่าเชื้อรา ซึ่งสามารถทำได้ โดยเหตุที่ไม่มั่นใจเพราะว่าที่ผ่านมา กลุ่มเกษตรกรสมัยใหม่นั้นไปเคยตัวกับการชี้นำของบริษัทยา ปุ๋ยที่ได้เข้ามาแนะนำให้ชาวนาพากันใช้สารเคมี จึงอยากให้นักวิชาการจากภาครัฐได้เข้ามาให้คำแนะนำดูแลตรงส่วนนี้อย่างจริงจัง เพื่อช่วยปรับทัศนคติของชาวนาเสียใหม่ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อการเกษตรแบบรักษาสิ่งแวดล้อม และธรรมชาติ

ซึ่งหากสามารถแก้ไขตรงส่วนนี้ได้ ก็จะทำให้ต้นทุนการทำนาของชาวนาในปัจจุบันลดลงได้ เช่นการใช้ปุ๋ยธรรมชาติด้วยการไม่เผาตอซัง ก็จะทำให้พื้นดินร่วน ไม่แข็งเหมือนกับแปลงนาที่ถูกเผาตอซัง นี่คือปัญหาที่อยากจะสะท้อนไปถึงยังผู้รับผิดชอบให้ได้รับรู้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้สมควรที่จะได้รับการแก้ไขมานานแล้ว เพราะถือว่าชาวนานั้นเป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจในด้านการเกษตร แต่ไม่ได้รับการดูแลอย่างจริงจังจากภาครัฐมาก่อน จึงกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง

สำหรับต้นทุนการทำนาในช่วงที่ผ่านมานั้น ถ้าเป็นนาเช่านั้น มีต้นทุนสูงอยู่ที่ไร่ละไม่ต่ำกว่า 6 พันบาท หากเป็นที่นาของตนเองนั้นต้นทุนจะอยู่ที่การปฏิบัติตัวของชาวนาเอง มีตั้งแต่ต้นทุนเพียงไร่ละ 2,600 บาท ถึง 5,000 บาท ด้วยการหาวิธีใช้ต้นทุนให้สมคุณค่า เช่น การหาปุ๋ยที่มีราคาถูกและให้ผลคุ้มค่า การใช้เชื้อราไตรโครเดอร์มา ในการกำจัดเชื้อรา

นอกจากนี้ เกษตรกรในปัจจุบันนี้มักจะทำนาด้วยวิธีการจ้าง ก็เปลี่ยนมาเป็นการลงมือทำด้วยตนเองในสิ่งไหนที่ทำเองได้ก็จะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ค่าแรงลงไป และยากำจัดสัตรูพืชนั้น หากไม่จำเป็นมากเราก็อย่าไปใช้ โดยสิ่งที่ชาวนาควรคำนึงถึงให้มากที่สุดในขณะนี้ก็คือ การลดต้นทุนการผลิต

ส่วนเรื่องเกี่ยวกับราคาน้ำมันนั้น ก็ขอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยดูแลด้วย เพราะถือเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญในการทำนาในสมัยนี้เช่นเดียวกัน เพราะชาวนาไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหา หรือผลิตน้ำมันเองได้ รวมไปจนถึงการปรับปรุงพันธุ์พืชให้เป็นพันธุ์ข้าวสายพันธุ์ดีมีคุณภาพสูงซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลในยุคที่ผ่านมาพูดถึงอยู่เป็นประจำ แต่ไม่เคยให้ความสำคัญส่งเสริมอย่างจริงจัง เพียงแต่ได้แต่พูดให้เกษตรกรทำ

แต่ต่อมากลับมามีนโยบาย และปัจจัยอื่นๆ ที่มาจูงใจให้เกษตรกรไม่คิดที่จะทำข้าวที่มีคุณภาพสูง โดยจะเอาแต่ผลผลิตอย่างเดียว แต่ไม่ได้คำนึงคุณภาพพันธุ์ข้าว แต่ตอนนี้ราคาข้าวไม่จูงใจแล้ว จึงทำให้ชาวนาแย่ลง

กำลังโหลดความคิดเห็น