กาญจนบุรี - ผู้รับเหมาบูรณะสะพานมอญ หรือสะพานอุตตมานุสรณ์ หลวงพ่ออุตตมะ ข้ามแม่น้ำซองกาเลีย เผยใช้ไม้เนื้อแข็ง 400 ท่อน มั่นใจเสร็จทันกำหนดเวลา 120 วันแน่นอน
ความคืบหน้ากรณีสะพานไม้ (สะพานมอญ) หรือสะพานอุตตมานุสรณ์ หลวงพ่ออุตตมะ ข้ามแม่น้ำซองกาเลีย เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านชาวมอญ หมู่ 2 บ้านวังกะ และเขตเทศบาลตำบลวังกะ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ยาว 850 เมตร ถูกน้ำป่าไหลหลากพัดพังถล่มขาดเป็น 2 ท่อน เหตุเกิดเวลาประมาณ 18.30 น.วันที่ 28 ก.ค.56 ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันนี้ (3 มิ.ย.) นายกาศพล แก้วประพาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกับทางวัดประชุมหาแนวทางการซ่อมบูรณะเพื่อให้สะพานกลับคืนมาใช้งานได้ดังเดิม เวลาผ่านมา แต่ไม่สามารถซ่อมบูรณะได้ เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำซองกาเลียยังคงลึก และไหลเชี่ยวกราก อีกทั้งไม่สามารถหาไม้เนื้อแข้งมาซ่อมบูรณะเพื่อความคงทนได้ โดยเฉพาะไม้แดง ที่มีราคาตามท้องตลาดที่ค่อนข้างแพง
ทางจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยพระมหาสุชาติ สิริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิวังการามองค์ปัจจุบัน นายชาธิป รุจนเสรี นายอำเภอสังขละบุรี และผู้นำท้องถิ่น ได้ร่วมกันประชุมวางแผนมาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง และในที่สุด ทุกฝ่ายเห็นพร้อมกันว่าจะใช้วิธีรับเหมาโดยไม่ต้องเปิดให้มีการประมูลงาน เนื่องจากเกรงว่าการบูรณะซ่อมแซมจะมีความล่าช้าออกไปอีก เพื่อให้เสร็จก่อนช่วงฤดูน้ำหลากที่กำลังจะมาถึง จึงจำเป็นต้องใช้วิธีพิเศษที่อยู่ในกรอบการเบิกจ่ายงบก่อสร้างตามระเบียบการพัสดุของสำนักนายกรัฐมนตรี โดยงบประมาณการก่อสร้างสามารถตรวจสอบได้
ล่าสุด ทางจังหวัดได้ว่าจ้าง ห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ เป็นบริษัทรับเหมาในการบูรณะซ่อมแซมสะพานไม้ (สะพานมอญ) และได้ทำสัญญาขึ้นเมื่อวันที่ 9 เม.ย.57 การซ่องแซมจะต้องแล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์ภายในวันที่ 6 สิงหาคม 2557 ระยะเวลาก่อสร้าง 120 วัน หลังจากนั้น ทางบริษัทได้ขนย้ายไม้เนื้อแข็งเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้แดง และไม้เต็งบางส่วน โดยคนงานเร่งทำการกะเทาะเปลือกออกเพื่อเตรียมการซ่อมบูรณะสะพาน
ด้านนายประณต สุวัฒนรัตน์ ผู้แทนผู้รับจ้าง เปิดเผยว่า สำหรับสะพานช่วงที่ขาดมีความยาวประมาณ 58 เมตร แต่จะต้องทำการรื้อถอนโครงสร้างส่วนปลายสะพานที่ขาดทั้งสองฝั่งออกไปอีกช่วงหนึ่ง เนื่องจากพบว่า ฐานรากของสะพานช่วงดังกล่าวหลุดลอยออกจากพื้นดิน และจะต้องทำการบูรณะซ่อมแซมในจุดนั้นด้วย
แต่อุปสรรคก็ยังพอมีอยู่เพราะว่าการขนย้ายปั่นจั่นขนาดใหญ่เป็นไปด้วยความยากลำบาก ทางบริษัทต้องขนย้ายเข้ามาด้วยรถบรรทุกมาลงที่ท้ายเขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ และยกลงเรือชักลากขนาดใหญ่ ล่องมาตามแม่น้ำ คาดว่าพรุ่งนี้ 4 มิ.ย.ปั้นจั่นก็คงจะมาถึง
จากกาคำนวณจำนวนไม้ที่ใช้สำหรับซ่อมแซมสะพานแห่งนี้ ปรากฏว่า ต้องใช้ไม้ทั้งหมดประมาณ 400 ท่อน ส่วนใหญ่เป็นไม้แดง และมีไม้เต็งบางส่วน ซึ่งทางบริษัทได้ทยอยขนย้ายไม้ทั้งหมดมาไว้ที่บริเวณริมแม่น้ำซองกาเรีย ฝั่งหมู่บ้านชาวมอญ คนงานของบริษัทได้กะเทาะเปลือกท่อนไม้ออกหมดแล้ว
ส่วนโครงสร้างปลายสะพานไม้ที่พังลงมาทั้งสองฝั่ง เราได้รื้อออกมาแล้ว ส่วนปริมาณน้ำขณะนี้เริ่มแห้งขอดจึงไม่มีอุปสรรคในการนำอุปกรณ์เข้าไปซ่อมบำรุงแต่อย่างใด ซึ่งคนงานกำลังต่อเสาให้มีขนาดความยาวประมาณ 18 เมตร เพื่อเป็นเสาฐานรากยึดสะพานให้แข็งแรงจุดละ 5 ต้น โดยจะใช้ปั้นจั่นตอกเสาลงไปในดิน ความลึกประมาณ 6 เมตร แต่อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าบริษัทจะสามารถซ่อมบูรณะสะพานแห่งนี้ให้แล้วเสร็จทันตามกำหนดของสัญญาที่ทำไว้กับจังหวัดกาญจนบุรีอย่างแน่นอน