xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นเหยื่อเรือเฟอร์รีเกาหลีใต้ล่มพุ่งกระฉูด ผู้สูญหายยังใกล้ 300 ชี้ “กัปตัน” อาจพลาด สั่งอพยพช้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



เอเจนซีส์ - กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ฝนที่ตกอย่างหนัก และทัศนวิสัยอันเลวร้ายเมื่อวันพฤหัสบดี (17 เม.ย.) เป็นอุปสรรคขัดขวางการค้นหาผู้สูญหายอีก 287 ชีวิต จากเหตุเรือเฟอร์รีล่มกลางทะเลนอกชายฝั่งด้านใต้ของเกาหลีใต้ โดยล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วอยู่ที่ 9 ราย และมีความเป็นไปได้ว่าตัวเลขสุดท้ายอาจสูงมาก เนื่องจากผู้ที่ยังไม่พบตัวนั้นอาจติดอยู่ในเรือซึ่งจมอยู่ใต้น้ำเกือบทั้งลำ หรืออยู่ในทะเลที่น้ำมีอุณหภูมิเย็นมากมาตั้งแต่เช้าวันพุธ (16) ขณะเดียวกัน ก็มีการตั้งประเด็นกันขึ้นมาว่า การที่พวกเจ้าหน้าที่ควบคุมเฟอร์รีลำนี้ไม่ได้สั่งอพยพคนออกไปโดยเร็วหลังจากที่เรือเริ่มเอียง จะเป็นสาเหตุสำคัญซึ่งทำให้มีคนจำนวนมากติดอยู่ข้างในหรือไม่

ผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วจนถึงวันพฤหัสบดี (17) มี 9 คน ในจำนวนนี้เป็นนักเรียน 5 คน และครู 2 คน ขณะที่จำนวนผู้ที่ได้รับการช่วยเหลืออยู่ที่ 179 คน เท่ากับที่เปิดเผยเมื่อคืนวันพุธ และลดทอนความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิตเพิ่ม

บนเรือเฟอร์รี “เซวอล” ซึ่งมีความสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 900 คนลำนี้ ในขณะเกิดเหตุมีผู้โดยสารและลูกเรือทั้งสิ้น 475 คน ในจำนวนนี้รวมถึงนักเรียน 325 คนจากโรงเรียนมัธยมแดนวอนในเมืองอันซาน ใกล้ๆ กับกรุงโซล ตลอดจนยังบรรทุกสินค้าซึ่งประกอบด้วยรถยนต์ 150 คัน ทั้งนี้ เรือได้แล่นออกจากเมืองอินชอน ทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเกาหลีใต้ในวันอังคาร (15) เพื่อมุ่งหน้าสู่เกาะเซจู ซึ่งเป็นเกาะท่องเที่ยวยอดนิยม โดยที่ต้องใช้เวลาเดินทาง 14 ชั่วโมง

แต่ในขณะที่เรืออยู่ห่างจากจุดหมายปลายทางราว 3 ชั่วโมง ก็ได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อช่วงเช้าวันพุธ หลังจากที่เรือเริ่มเอียงไปทางด้านหนึ่ง และจากนั้นจมลงน้ำภายในเวลา 90 นาที โดยจุดที่เรืออับปางอยู่ห่างจากเกาะเบียงปุงไม่ไกลนัก

ญาติๆ ของนักเรียนที่เสียชีวิตพากันสะอื้นไห้ขณะที่รถพยาบาลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองม็อกโป ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ นำศพไปส่งยังเมืองอันซาน ขณะที่บรรยากาศภายในโรงเรียนแดนวอน อบอวลไปด้วยความโศกเศร้าระคนโกรธแค้นไม่พอใจมาตรการการสั่งอพยพของพวกเจ้าหน้าที่ในเรือ ตลอดจนการปฏิบัติการช่วยเหลือกู้ภัย

หน่วยยามฝั่งของเกาหลีใต้แถลงว่า เวลานี้มีนักประดาน้ำกว่า 500 คน เรือ 169 ลำ และเครื่องบินอีก 29 ลำ เร่งค้นหารอบๆ เรือที่จม และ คิม แจอิน โฆษกหน่วยยามฝั่งเกาหลีใต้เผยว่า เรือซึ่งติดตั้งปั้นจั่นจำนวน 3 ลำจะเดินทางถึงที่เกิดเหตุในอีก 2 วันเพื่อช่วยกู้ภัยและกู้เรือ

คิมเสริมว่า นักประดาน้ำทำงานตลอด 24 ชั่วโมง และพยายามเข้าไปในเรือเพื่อฉีดออกซิเจนเข้าไปช่วยผู้ที่ยังอาจรอดชีวิตและติดอยู่ในจุดต่างๆ ของเรือ แต่กระแสน้ำแรงมากจนไม่สามารถเข้าไปได้

อย่างไรก็ตาม พวกญาติๆ ผู้ว้าวุ่นกระวนกระวาย ซึ่งจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ที่สนามกีฬาในร่มแห่งหนึ่งบนเกาะจินโด ที่อยู่ไม่ห่างจากจุดเรืออับปาง ยังคงยืนกรานว่าควรต้องทำอะไรให้มากกว่านี้ และได้แสดงความหงุดหงิดของพวกเขา ตอนที่ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติการกู้ภัย

“ท่านกำลังทำอะไรอยู่ ทั้งๆ ที่คนกำลังจะตายตั้งเยอะแยะอย่างนี้! เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว!” สตรีผู้หนึ่งกรีดร้องโวยขึ้นมา ขณะที่พัคพยายามที่จะกล่าวปราศรัยกับฝูงชนซึ่งอยู่ในอารมณ์ปรวนแปร

ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน ตอนที่นายกรัฐมนตรี ชุง ฮองวอน เดินทางไปที่นั่น เขาก็ถูกเบียดกระแทกถูกตะโกนใส่ รวมทั้งถูกขว้างปาด้วยขวดน้ำ

“อย่าหนี ท่านนายกฯ” แม่ของผู้โดยสารคนหนึ่งตะโกน พร้อมกับพยายามสกัดกั้น ขณะที่ชุงพยายามปลีกตัวจากไป “ช่วยบอกก่อนว่าท่านกำลังวางแผนจะทำยังไงต่อไป”

ความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิตกำลังลดน้อยลงเรื่อยๆ ตามเวลาที่เคลื่อนผ่านไป สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่หน่วยยามฝั่งผู้หนึ่ง ซึ่งพูดบนเรือลำหนึ่งที่กำลังอยู่ในจุดเกิดเหตุว่า โอกาสที่จะค้นพบผู้รอดชีวิตเกือบจะเท่ากับศูนย์แล้ว

พวกเจ้าหน้าที่กู้ภัยระบุว่า บริเวณที่เรืออับปางนั้นมีความลึก 37 เมตร ขณะที่อุณหภูมิในน้ำบริเวณที่เกิดเหตุยังต่ำถึง 12 องศาเซลเซียส ซึ่งหนาวเย็นพอที่จะทำให้อุณหภูมิในร่างกายมนุษย์ลดต่ำเกินไป แม้อยู่ในน้ำเพียงแค่ราว 90 นาที

สำหรับสาเหตุการล่มของเรือเซวอล จนถึงขณะนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจน ผู้โดยสารหลายคนเล่าตรงกันว่า ได้ยินเสียงดังก่อนที่เรือจะหยุดกะทันหัน บ่งชี้ความเป็นไปได้ที่เรืออาจเกยตื้นหรือกระแทกกับวัตถุบางอย่างใต้น้ำ

ทว่า ลี จุนซก กัปตันเรือซึ่งรอดชีวิตมาได้ ยืนยันกับเจ้าหน้าที่สอบสวนว่าเรือไม่ได้กระแทกโขดหิน

ระหว่างที่ถูกผู้สื่อข่าวและช่างภาพรุมล้อม ลีซึ่งสวมเสื้อที่ดึงเอาฮูดขึ้นมาปิดคลุมศีรษะและใบหน้า ได้พึมพำขอโทษผู้โดยสารผู้เสียชีวิตและครอบครัว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยามฝั่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลและด้านอื่นๆ มีนัดหารือกันในวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับสาเหตุที่เรือจม

ผู้โดยสารที่รอดชีวิตหลายคนเล่าว่า คนจำนวนมากติดอยู่ในเรือเนื่องจากได้รับคำสั่งให้นั่งอยู่กับที่หรืออยู่ภายในห้องพักตอนที่เรือเริ่มจม ขณะที่ผู้ที่กระโดดลงน้ำได้รับความช่วยเหลืออย่างปลอดภัย เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็แสดงความกังวลว่า ผู้โดยสารหลายร้อยคนไม่สามารถหนีออกมาได้ทัน เนื่องจากเรือจมลงเร็วมาก

ทางด้าน โอ ยองซุก วัย 58 ปี พนักงานถือพวงมาลัยของเรือเซวอล และมีประสบการณ์ในการเรื่องการเดินเรือมา 10 ปี เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้รับการช่วยเหลือรอดชีวิตมา เขาได้บอกกับสำนักข่าวเอพีในวันพฤหัสบดีว่า ภายหลังที่เรือเอียงอย่างน่ากลัว คำสั่งแรกของกัปตันลี ก็คือให้ผู้โดยสารสวมเสื้อชูชีพและอยู่กับที่อย่าไปไหน ทั้งนี้มีผู้วิเคราะห์ว่าอาจจะเนื่องจากกัปตันยังเข้าใจว่าสามารถที่จะแก้ไขให้เรือกลับเป็นปกติได้

โอ เล่าต่อไปว่า เมื่อบรรดาลูกเรือมารวมตัวกันในบริเวณสะพานเดินเรือ และมีการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไปนั้น เรือกำลังเอียงเป็นมุมมากกว่า 5 องศาแล้ว ซึ่งเป็นมุมระดับที่ถือกันว่าวิกฤตอย่างยิ่งในการนำเรือกลับคืนสู่ปกติ

ช่วงเวลาประมาณนั้น ผู้ช่วยกัปตันผู้หนึ่งรายงานว่าไม่สามารถทำให้เรือกลับมาอยู่ในระนาบปกติได้ กัปตันจึงสั่งให้พยายามอีกครั้งหนึ่ง ทว่ายังคงล้มเหลว จากนั้นลูกเรือคนหนึ่งได้พยายามเดินไปยังเรือชูชีพแต่กลับสะดุดหกล้ม ทำให้ ต้นเรือเสนอแนะกัปตันว่า ทุกๆ คนควรอพยพออกจากเรือ

โอ บอกว่า กัปตันตกลงและสั่งอพยพ แต่เขาไม่แน่ใจว่าได้มีการประกาศข่าวนี้ทางระบบกระจายเสียงภายในเรือให้ผู้โดยสารทราบหรือไม่ เนื่องจากที่สะพานเดินเรือตอนนั้นมีความสับสนวุ่นวายกันมาก อีกทั้งถึงตอนนั้นก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่พวกลูกเรือจะเดินไปยังห้องพักผู้โดยสารเพื่อช่วยเหลือพวกเขา ในเมื่อเรือเอียงจนถึงขนาดนั้น นอกจากนี้ เนื่องจากมีคำสั่งอพยพกันช้าเช่นนี้ ยังน่าที่จะทำให้ปล่อยเรือชูชีพลงสู่ทะเลไม่ทันอีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้โดยสารที่รอดชีวิตจำนวนมากต่างบอกว่า พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีคำสั่งให้อพยพสละเรือเลย

โศกนาฏกรรมครั้งนี้สร้างความตกตะลึงให้แก่ชาวเกาหลีใต้ที่เชื่อว่า การพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วจะช่วยขจัดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่โตขนาดนี้ และหากผู้สูญหายได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิต นี่จะถือเป็นความหายนะร้ายแรงที่สุดสำหรับเกาหลีใต้นับแต่เกิดเหตุห้างสรรพสินค้าในกรุงโซลถล่มในปี 1995 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 500 ราย
กำลังโหลดความคิดเห็น