นครปฐม - พ่อเมืองนครปฐม นำหัวหน้าส่วนราชการ เข้าพบ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” หาทางออกสมานฉันท์ ขณะที่ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” แนะผู้ว่าฯ-ผบก.นครปฐม จะต้องดูแลประชาชนให้เกิดความอบอุ่นไม่อยู่ด้วยความหวาดระแวงกลัวแบบที่ผ่านมา พร้อมเผยจะเก็บกุฏิวัดวัดอ้อน้อยที่โดนเผาไว้เป็นอนุสรณ์เตือนใจ จนกว่า จนท.จะจับคนร้ายมาลงโทษ
วันนี้ (29 พ.ค.) นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ผู้อำนวยการ กอ.รมน. นายอำเภอกำแพงแสน นายอำเภอนครชัยศรี ปลัดจังหวัดนครปฐม และหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดนครปฐม ได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่วัดอ้อน้อยธรรมอิสระ หมู่ 11 ตำบลห้วยขวาง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เพื่อขอคำแนะนำในเรื่องแนวทางการดำเนินงานสร้างความปรองดอง และความสมานฉันท์ในจังหวัดนครปฐม
โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า ควรทำให้แนวคิดของแกนนำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแกนนำในชุมชน หรือแกนนำทางศาสนา ต้องทำให้มีแนวคิดเดียวกันเรื่องความปรองดอง คือทุกคนในจังหวัดนครปฐม ต้องสามารถอยู่ร่วมกันโดยไม่มีความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน เมื่อพูดเรื่องประชาธิปไตยในจังหวัดก็ต้องถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย สังเกตได้จากการเสนอแนวคิดอะไรก็โดนขมขู่ เหมือนเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ไม่มีอิสระ
ดังนั้น จึงอยากให้ทุกคนมีอิสระเท่าเทียมกันที่จะแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างได้ ทำให้ทุกสีเป็นสีเดียวกันอยู่ในจังหวัดนครปฐม อยากเห็นเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และประชาชนไม่ถูกกดขี่จากอำนาจใดๆ มีอิสระ เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นที่พึ่งได้ ไม่ใช่พูดอะไรก็โดนปาอุจจาระ เอาเลือดมาสาด เผาวัด อย่างนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือเป็นประชาธิปไตยแบบสองมาตรฐาน
หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า ท้ายสุดขอฝากให้ทุกคนมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น ไม่ถูกครอบงำ มีการใช้อำนาจข่มขู่ ขอให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นที่พึ่ง ทำหน้าที่ให้ความอบอุ่นแก่ประชาชน เชื่อว่าจะมีประชาชนอีกเป็นจำนวนมากออกมาช่วยเหลือบ้านเมือง คนไทยชนะ ทุกคนชนะ ทุกคนมีประชาธิปไตย มีเสรีภาพ ถ้าให้ดีอยากให้เจ้าหน้าที่ของจังหวัดนครปฐม มาทำสัตยาบันร่วมกัน ประกาศที่จะร่วมกันดำเนินงานเพื่อความปรองดองสมานฉันท์
“โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม จะต้องดูแลประชาชนให้เกิดความอบอุ่น ไม่อยู่ด้วยความหวาดระแวงกลัวแบบที่ผ่านมา เนื่องจากมีคดีที่เกิดขึ้นกับวัดอ้อน้อยหลายคดี แต่เพิ่งมาจับได้ โดยเฉพาะการเผากุฏิพระสงฆ์ทางวัดอ้อน้อย จะเก็บไว้เป็นอนุสรณ์เตือนใจจนกว่าจะสามารถจับคนร้ายมาลงโทษ และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายออกมาคุ้มครองประชาชนให้กล้าแสดงออกโดยเท่าเทียมกัน ถึงจะถือว่าเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง”