แม่ “พ.อ.วิทวัส” ทหารที่ถูกการ์ด กปปส.เวทีแจ้งฯ รุมทำร้าย เข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อลงบันทึกประจำวัน พร้อมฝากเงินค่าทำขวัญคืนหลวงปู่พุทธะอิสระ จำนวน 5 หมื่นบาท โต้ข่าวลูกชายเมาสุรา ขับรถเฉี่ยวชน ระบุการขอขมาเป็นเพียงวัฒนธรรมการขอโทษของคนไทย ยืนยันให้คนผิดมารับโทษ
วันนี้ (4 พ.ค.) ที่ สน.ทุ่งสองห้อง นางบังอรรัตน์ วัฒนกุล มารดา พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล ที่ถูกการ์ด กปปส.ทำร้าย พร้อมนายชุมพล เกริกศิลป์ ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.สีระศักดิ์ ทองบ่อ พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อลงบันทึกประจำวัน และมอบเงิน จำนวน 50,000 บาท คืนให้แก่ทางกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ ต่อมา นางบังอรรัตน์ วัฒนกุล พร้อม นางจามารศรี เทียนชวลิต ผู้เป็นน้าสาว นาวาโทณัฐพล วัฒนกุล น้องชาย พ.อ.วิทวัส เเละนายชุมพล ร่วมแถลงข่าวเปิดใจถึงกรณีที่เกิดขึ้น
นางบังอรรัตน์ กล่าวว่า ตนเดินทางมาเพื่อมาขอให้ตำรวจนำเงิน จำนวน 50,000 บาท ซึ่งเป็นค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับมานำไปคืนหลวงปู่พุทธะอิสระ แกนนำ กปปส. ซึ่งตนขอชี้แจงว่า ตนและพ.อ.วิทวัส ไม่เคยให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่ลูกชายถูกทำร้ายผ่านสื่อใดมาก่อน แม้จะมีหลายสื่อพยายามขอสัมภาษณ์มาโดยตลอด แต่ตนก็เลือกที่จะเงียบ ไม่เคยออกมาพูด หรือให้สัมภาษณ์ใดๆ เเต่ครั้งนี้ตนรู้สึกทนไม่ไหว เนื่องจากข่าวเริ่มจะไปไกลเกินความจริงออกไปทุกที
“ที่ดิฉันตัดสินใจออกมาในครั้งนี้มาในฐานะคนเป็นแม่ที่ออกมาเพื่อปกป้องลูก ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่แค่เพราะคนถูกกระทำเป็นลูกของดิฉัน ซึ่งไม่มีโอกาสต่อสู้ใดๆ เลย พ.อ.วิทวัส ซึ่งเป็นทหารถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แต่กลับมีข่าวออกมาว่า พ.อ.วิทวัส ดื่มสุรา และมีอาการมึนเมา จากนั้นปัสสาวะรดบังเกอร์ และขับรถเฉี่ยวชน ซึ่งขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ดิฉันเชื่อมั่นในตัวลูกชาย และเกียรติยศการเป็นทหารว่าไม่มีทางทำตัวเช่นนั้นแน่นอน” นางบังอรรัตน์ กล่าว
นางบังอรรัตน์ กล่าวอีกว่า ตนได้สอบถาม พ.อ.วิทวัส ว่าเหตุใดจึงต้องขับรถไปเส้นทางดังกล่าว ก็ได้รับคำตอบว่า พ.อ.วิทวัส เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวเพราะเป็นทางผ่านเพื่อกลับบ้าน ซึ่งปกติในเวลากลางวัน พ.อ.วิทวัส จะอยู่เเต่ในที่ทำงาน และเวลา 17.00 น.เลิกงานจึงกลับบ้านพัก แต่ในวัน และเวลาดังกล่าวนั้น พ.อ.วิทวัส กลับบ้านพักผิดเวลา เนื่องจากไปทำธุระ จึงไม่ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวผู้ชุมนุมได้ตั้งกรวยขวางไว้ และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพบว่า มีกรวยยางกั้นพื้นที่ พ.อ.วิทวัส จึงลงจากรถเพื่อเลื่อนออก แต่กลับได้ยินเสียงคล้ายประทัด ซึ่งตอนแรก พ.อ.วิทวัส ยังไม่เชื่อว่าตนเองถูกยิง จนกระทั่งรู้สึกเจ็บที่ขา จึงทราบว่าตนถูกยิง และพยายามยกมือพร้อมตะโกนบอกว่าเป็นทหาร และวิ่งไปหลบหลังพุ่มไม้ก่อนจะถูกลากตัวไปยังใต้ถุนอาคารจอดรถ ก่อนจะใช้ของแข็งฟาดเข้าที่ต้นคอด้านหลัง จากนั้นก็รุมกระทืบ จนทำให้เส้นโลหิตแตก อาการสาหัส ต่อมาการ์ด กปปส. ได้รื้อค้นรถยนต์ของ พ.อ.วิทวัส และไปเห็นบัตรประจำตัวข้าราชทหาร จึงตะโกนบอกเพื่อนให้หยุดทำร้าย และรีบนำตัวส่ง รพ.มงกุฎวัฒนะ เเละรถของ พ.อ.วิทวัส ก็ถูกนำมาจอดไว้ที่ รพ.เช่นเดียวกัน
“เขายืนยันต่อแม่ว่าเขาไม่รู้จริงๆ ว่าที่ตรงนั้นอันตรายขนาดนี้ ถ้ารู้เขาก็คงไม่เข้าไปแน่นอน เเล้วคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ทำไมไม่ออกมาช่วยเหลือเลยทั้งๆ ที่ในพื้นที่แจ้งวัฒนะ มีคนต้องเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้หลายคนแล้ว บางรายยังนอนไม่ได้สติอยู่เลย และขอฝากไปถึงการ์ด กปปส.แจ้งวัฒนะทุกคนว่า อย่าทำร้ายคนอื่นอีกเลย เพราะจะเป็นเวรกรรมติดตัวไป บาปกรรมมีจริง ใครทำอะไรไว้ย่อมรู้ สำหรับแม่อโหสิกรรมให้เเล้ว เเต่กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมายต่อไป คนชั่วจะลอยนวลอยู่ในบ้านเมืองไม่ได้ ส่วนที่การ์ดไปขอขมาผู้บังคับยัญชาของลูกชายนั้น ตนทราบเเล้ว แต่การขอขมาเป็นวัฒนธรรมการขอโทษของไทย ซึ่งตนก็ขอยืนยันให้คนผิดมารับโทษตามกฎหมายต่อไป และขอขอบคุณการ์ดที่เพียงแค่รุมทำร้ายลูกชาย ไม่ได้ฆ่าเเล้วโยนทิ้งแม่น้ำ ขอบคุณมากๆ” นางบังอรรัตน์ กล่าว
นางบังอรรัตน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้อาการของ พ.อ.วิทวัสดีขึ้นตามลำดับ แต่ยังพักฟื้นรักษาตัวอยู่ และตนไม่ได้ต้องการอะไรมาก แต่แค่อยากขอความเป็นธรรม ให้หลวงปู่พุทธะอิสระ อย่าช่วยปกปิดคนกระทำความผิด ให้ส่งตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายในสิ่งที่เขาได้กระทำ และเรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนออกมาช่วยเหลือประชาชนผู้เสียหายด้วย นอกจากนี้ ตนทราบว่ากล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุได้หายไปหลังเกิดเหตุจำนวนหลายตัว และตนขอบิณฑบาตหลวงปู่พระพุทธะอิสระ ให้ย้ายเวทีชุมนุมไปที่อื่น เนื่องจากบริเวณดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อยู่อาศัยบริเวณถนนแจ้งวัฒนะเป็นอย่างมาก