ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ประกอบการภาคตะวันออก ชี้ คสช.ปรับเวลาเคอร์ฟิว ช่วยผ่อนปรนความตึงเครียดในเมืองท่องเที่ยว เผยผู้ประกอบการท้องถิ่นดิ้นหนีตายจัดโปรโมชันดึงดูดลูกค้า
ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กำหนดแก้ไขห้วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถานและแนวทางปฏิบัติ โดยห้ามมิให้บุคคลใดทั่วราชอาณาจักร ออกนอกเคหสถานภายในเวลา 00.01 น.ถึง 04.00 น. ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนนั้น
นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีของเมืองท่องเที่ยว เพราะการปรับเวลาห้ามออกนอกเคหสถานให้สั้นลงทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการทำมาหากินเพิ่มขึ้น ถือเป็นผลดีต่อภาพรวมการท่องเที่ยว ช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายความตึงเครียดของผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวได้ในระดับหนึ่ง
ด้านนายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดระยอง กล่าวด้วยว่า หลังจากประกาศเคอร์ฟิวธุรกิจกลางคืนในระยองตอนนี้เงียบหายไปหมด ผู้ประกอบการหลายรายต้องปรับกลยุทธ์เพื่อเรียกลูกค้า โดยมีการจัดโปรโมชันลดราคาสินค้า และบริการเพื่อความอยู่รอด การปรับเวลาดังกล่าวก็ถือว่าดีขึ้น แต่หากเป็นไปได้อยากให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ
ขณะที่นายสรรเพชร ศุภบวรเสถียร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก เผยอีกว่า การปรับเวลาเคอร์ฟิวก็ช่วยให้ผู้ประกอบการดิ้นต่อลมหายใจได้อีกเฮือก แต่ภาพรวมประเทศไทยในสายตานานาชาติยังมองว่าไม่สงบ พัทยาในความเป็นอินเตอร์เนชันแนลมีจุดขายในเรื่องของ Night Life ชาวต่างชาติออกมาใช้บริการช่วงดึก เชื่อว่าเร็วๆ นี้เมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา และภูเก็ตน่าจะมีการยกเลิก
ด้าน น.ส.ยุวธิดา จีรภัทร์ เผยความรู้สึกในฐานะผู้บริหารธุรกิจเครือเจคอร์ป พัทยา ว่า การปรับเวลาเคอร์ฟิวเหมือนน้ำมนต์มาชะโลมช่วยให้ผู้ประกอบการรู้สึกดีขึ้น แต่ปัจจุบันเห็นได้ว่าการท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านบูมมากๆ เช่น ประเทศพม่า ที่เน้นการท่องเที่ยวเชิงศาสนา ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปไหว้พระจำนวนมาก ประเทศไทยก็ควรสร้างจุดขายทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย
นายฉัตร จะยะวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ปราสาทสัจธรรม พัทยา กล่าวอีกว่า เมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ขายของกลางคืน การปรับเวลาตรงนี้ก็ถือว่าดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ในด้านการท่องเที่ยว แต่เชื่อว่าในเร็วๆ นี้ พื้นที่เมืองท่องเที่ยวหลักทั่วประเทศน่าจะมีการยกเลิกประกาศดังกล่าวอย่างแน่นอน