ศูนย์ข่าวศรีราชา - นักธุรกิจในจังหวัดชลบุรี ชี้ประกาศรัฐประหารเป็นทางออกเดียวของประเทศที่จะสะสางปัญหาต่างๆ ของชาติได้ดีที่สุด ชี้แม้จะกระทบภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาต่างชาติ แต่ก็ต้องตัดสินใจทำ แนะทหารคิดให้รอบคอบเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเฉพาะประเด็นการได้มาของรัฐบาล ป้องกันวงจรอุบาทว์กลับครอบครองประเทศ
นายแพทย์สมชาย พัฒนะอเนก ประธานบริหารบริษัทในเครือดีฟาร์มาซี ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการทางการแพทย์เฉพาะทาง และอุปกรณ์สนับสนุนการแพทย์รายใหญ่ในจังหวัดชลบุรี เผยถึงการประกาศรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในช่วงเย็นที่ผ่านมาว่า ถือเป็นการตัดสินใจที่ดี และถูกต้องที่สุดของคณะทำงาน ที่เห็นว่าเมื่อท้ายที่สุดแล้วการเดินตามกติกาต้องพบกับปัญหาติดขัดในหลายด้าน จนไม่สามารถนำพาประเทศสู่ความสงบสุขได้ ก็ต้องตัดสินใจฉีกรัฐธรรมนูญฉบับเก่าที่มีปัญหาในบางมาตรา เพื่อตั้งหลักในการกำหนดรัฐธรรมนูญใหม่ให้ครอบคลุมและรอบคอบ
โดยตนขอให้กำลังใจทหาร และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งขอแนะนำให้คณะทำงานใช้เวลาในระยะสั้นภายใต้ความรอบคอบในการกำหนดรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดความล้มเหลวเช่นเดียวกับการทำรัฐประหารเมื่อครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะความเข้มงวดเรื่องการได้มาของรัฐบาลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นที่ผ่านมา
“ถ้าถามว่าจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่ ต้องบอกว่าปัญหาที่ผ่านมามันก็ทำให้กระทบมานานแล้ว และ GDP ของประเทศก็ตกมาโดยตลอด ดังนั้น เมื่อจะต้องเสียภาพลักษณ์ในสายตาต่างชาติ ก็ขอให้ทหารทำหน้าที่ให้ดีที่สุด มันก็เหมือนกับการที่เราต้องทำผ่าตัดใหญ่ เมื่อเห็นว่าคนไข้ไปไม่ไหว และไม่มีวิธีใดที่จะรักษาได้ดีที่สุดแล้ว การทำผ่าตัดใหญ่ย่อมเป็นทางเลือกที่จะรักษาชีวิตคนไข้ไว้” นายแพทย์สมชาย กล่าว
เช่นเดียวกับ น.ส.บุณฑริก กุศลวิทย์ อุปนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออกที่ยังยืนยันว่า ในวันนี้บ้านเมืองต้องการทางออก ดังนั้น สิ่งใดที่เกิดขึ้นและมีเป้าหมายที่จะนำพาประเทศให้ออกจากวังวนแห่งปัญหา ย่อมถือเป็นแนวทางที่ประชาชนเฝ้ารอ เพียงแต่ขอให้คณะทำงานมีความตั้งใจ และจริงใจในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยหวังว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่จะคลี่คลายและยุติลง
“ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง วันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป เพียงแต่เมื่อมีทางเลือกใหม่เข้ามาเราก็หวังว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เราก็ได้แต่เอาใจช่วยคณะทำงานว่าให้ดำเนินการให้จบโดยเร็ว และไม่ควรปล่อยให้ยืดเยื้อเพราะในระยะยาวจะส่งผลต่อประเทศในสายตาต่างชาติ” น.ส.บุณฑริก กล่าว
