กลุ่มรักษ์บ้านเกิดร่อน จม.ถึง “บิ๊กตู่” เอาผิดนายพลนอกรีตสั่งรุมสกรัมชาวบ้าน

เลย - กลุ่มรักษ์บ้านเกิดต้านเหมืองทองทุ่งคำร่อน จม.เปิดผนึกถึง “พล.อ.ประยุทธ์” ช่วยสั่งการตรวจสอบนายทหารนอกรีต ทั้งที่ปลดประจำการแล้ว และอยู่ระหว่างรับราชการ หลังมีพยานยืนยันเป็นตัวการพาชายฉกรรจ์หลายร้อยคนรุมสกรัมชาวบ้านเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ย้ำเป็นตัวการและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนแร่ของนายทุนเหมือง โดยให้มีการลงโทษอย่างสูงสุดทั้งทางวินัยและดำเนินคดีอาญา

นายสมัย ภักดิ์มี ประธานกลุ่มรักษ์บ้านเกิด ได้เปิดเผยว่า ชาวบ้านในชุมชน 6 หมู่บ้านรอบเหมืองทองทุ่งคำ ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย ได้ประชุมร่วมกันเพื่อหารือกรณีเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 300-400 คนบุกทำร้ายและปล้นทรัพย์ชาวบ้านเมื่อคืนวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีข้อสรุปร่วมกันว่าจะทำจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทั้งนี้เพื่อร้องทุกข์กรณีที่มีนายทหารพัวพันกับการขนแร่ของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ที่ใช้ความรุนแรงต่อประชาชน 6 หมู่บ้าน

ในจดหมายเปิดผนึกบางส่วนได้ระบุว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2557 ได้มีพลโททหารนอกราชการ คือ พล.ท.ปรเมษฐ์ ป้อมนาค และผู้ติดตามอีก 16 คน ซึ่งอ้างว่าเป็นทหารได้เดินทางเข้ามาที่หมู่บ้านนาหนองบง “คุ้มใหญ่” โดยใช้รถตู้โดยสารหมายเลขทะเบียน ฮก 4700 กรุงเทพมหานคร จดทะเบียนในชื่อ พ.ท.ปรมินทร์ ป้อมนาค ได้มาจอดหน้าบ้านของนายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ หนึ่งในแกนนำต่อต้านเหมือง และแสดงพฤติกรรมข่มขู่ พร้อมเผยความต้องการที่จะขนแร่ทองแดงของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ผ่านถนนสาธารณะของชุมชน แต่ชาวบ้านได้คัดค้านและปิดเส้นทาง

จากนั้นในคืนวันที่ 15 พ.ค.ถึงเช้าวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ประชาชน กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดได้ถูกกองกำลังเถื่อนติดอาวุธเข้ามาปิดล้อมหมู่บ้าน พังกำแพงชุมชนของหมู่บ้าน และได้ขู่ฆ่า กักขัง โดยมัดมือไพล่หลังให้คว่ำหน้ากับพื้น และรุมซ้อมทรมานทำร้ายร่างกายไม่เว้นผู้หญิงและคนชรา เพื่อเปิดทางในการขนแร่ทองแดงของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด

ซึ่งเป็นเหตุให้ประชาชนกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดบาดเจ็บหลายสิบราย ถูกขโมยและทำลายทรัพย์สิน โดยไม่มีหน่วยงานใดที่มีหน้าที่รับผิดชอบเข้ามาช่วยเหลือในขณะเกิดเหตุ

ในจดหมายยังระบุด้วยว่า มีพยานในเหตุการณ์ยืนยันกับตำรวจไว้แล้ว ว่ามีนายทหารเป็นผู้สั่งการการปฏิบัติการขนแร่เถื่อนในครั้งนี้ รวมถึงแผนการและลักษณะของการปฏิบัติการก็คล้ายการจู่โจมของทหาร จากนั้นประชาชนจึงรวมกลุ่มกันจัดเวรยามเพื่อตรวจสอบดูแลความปลอดภัยของประชาชนในหมู่บ้านด้วยตนเอง

ทั้งนี้ เนื่องจากข้อมูลจากอุตสาหกรรมจังหวัดเลยระบุว่า จำนวนแร่ทองแดงที่กองกำลังเถื่อนติดอาวุธขนออกไปได้นั้นมีจำนวน 476 ตัน แต่สามารถขนออกไปได้เพียง 316 ตัน คงเหลือแร่ทองแดงที่ยังไม่ได้ทำการขน 160 ตัน ในปัจจุบันบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ที่แจ้งการครอบครองแร่ไว้ต่อฝ่ายอุตสาหกรรมฝ่ายพื้นฐานและเหมืองแร่ จ.เลย มีแร่ทองแดง และทองคำถลุงแล้วจำนวน 1,942.54 เมตริกตันที่ยังคงอยู่ในเหมือง

ในจดหมายบางตอนระบุด้วยว่า ยิ่งเมื่อกองทัพบกประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ในขณะที่ประชาชน กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด ได้รวมกลุ่มกันจัดเวรยามเพื่อตรวจสอบดูแลความปลอดภัยของประชาชนในหมู่บ้านด้วยตนเอง สถานการณ์ดังนี้ได้สร้างความหวั่นวิตกต่อประชาชนในหมู่บ้าน เนื่องจากอาจจะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกคุกคามทำร้ายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อการขนแร่ของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด มีความเกี่ยวข้องชัดเจนกับนายทหาร ทางกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด

จึงเรียนมาเพื่อขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก เร่งดำเนินการตรวจสอบนายทหารนอกรีต ทั้งที่ปลดประจำการแล้ว และอยู่ระหว่างรับราชการ ที่เป็นตัวการและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนแร่ของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด อย่างเร่งด่วน โดยให้มีการลงโทษอย่างสูงสุดทั้งทางวินัย และดำเนินคดีอาญาหากพบความผิด

นายสมัยกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เหตุเกิดคืนวันที่ 15 พ.ค. 57 ผ่านมาตั้งหลายวันยังไม่มีการจับกุมใครมาดำเนินคดีได้สักรายเดียว คนกระทำผิดร่วม 300-400 คน พวกตนจึงอยากจะขอพึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และขณะนี้ได้ทำการส่งจดหมายเปิดผนึกไปแล้ว