ASTVผู้จัดการรายวัน-กวป.เครือข่ายแก๊งแดงเหิมหนัก บุกหยามหน้าทหาร รื้อบังเกอร์บริเวณ ป.ป.ช. ด้านผบ.พล1 รอ. ลั่นไม่มีสิทธิ์มาไล่ แต่ไม่อยากมีเรื่อง จึงยอม สั่งปรับแผนลาดตระเวนด้วยรถจักรยานยนต์แทน "สุเทพ"ตั้งเงื่อนไข "ปู" ออกบอกชื่อนายกฯ คนกลาง คปท.บุกพบ ผบ.ทบ.จี้ทหารยืนข้างประชาชน หลังรัฐบาลปฏิเสธกระบวนการยุติธรรม "เต้น"ปูดอีก 8 รายชื่อรัฐมนตรีของ กปปส. "หม่อมอุ๋ย-หมอณรงค์-ประมนต์-จรัญ-สมบัติ-สุรพล-ทนง-เสรี" ติดโผ ตำรวจรุดตรวจยิงเอ็ม 79 บ้านกำนัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 มี.ค.) นายศรรักษ์ มาลัยทอง แกนนำกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) เครือข่ายกลุ่มคนเสื้อแดง ได้นำผู้ชุมนุม กวป. บุกเข้าไปยังบังเกอร์ทหารที่ดูแลความปลอดภัยให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บริเวณซอยติวานนท์ 37 ซึ่งเป็นประตูด้านหลัง ป.ป.ช. พร้อมกับไล่ทหารที่รักษาความเรียบร้อยออกจากบังเกอร์ ก่อนจะเข้ารื้อกระสอบทรายและเต็นท์ลายพรางที่กันเป็นบังเกอร์ออก ท่ามกลางสายตาประชาชนจำนวนมากที่อยู่บริเวณดังกล่าวต่างวิจารณ์ว่า กปว.ต้องการยั่วยุทหาร
อย่างไรก็ตาม หลังจากกลุ่ม กวป.เข้ารื้อบังเกอร์แล้ว ทหารได้นำรถมาขนสิ่งของออกจากซอยติวานนท์ 37 โดยไม่ตอบโต้ใดๆ
***ปรับแผน รปภ.สำนักงาน ป.ป.ช.
พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1รอ.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม กวป. กดดันทหารชุดปฏิบัติการมวลชน ซึ่งเป็นของกองพลทหารราบที่ 9 ที่ประจำการอยู่บริเวณสำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ ว่า มวลชนกลุ่มดังกล่าวไม่ต้องการให้ทหารตั้งบังเกอร์ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องขยับบังเกอร์ออกมา และหลังจากนี้จะปรับมาตรการ โดยใช้การลาดตระเวนด้วยรถจักรยานยนต์แทนการตั้งจุดปฏิบัติการที่เป็นลักษณะถาวร ซึ่งการที่ทหารไปตั้งจุดบริเวณดังกล่าว เนื่องจากพบว่า เป็นจุดเสี่ยงที่คนร้ายอาจจะยิงเอ็ม 79 ใส่สำนักงานป.ป.ช.ได้
"หากพูดตามหลักกฎหมายแล้ว กลุ่มมวลชนดังกล่าวไม่มีสิทธิ์มาไล่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แต่ทหารไม่อยากมีปัญหา ก็เลยถอนตัวออกมาแล้ว และหลังจากนี้อาจจะไม่ตั้งจุดปฏิบัติการที่เป็นลักษณะถาวร แต่จะเน้นการลาดตระเวนแทน"
***กปปส.เชิญชวนร่วมชุมนุมใหญ่29มี.ค.
สำหรับความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ยังคงขบวนเดินรณรงค์ เป็นวันที่ 3 เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 29 มี.ค. เพื่อแสดงพลังสนับสนุนให้เกิดการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง โดยขบวนเริ่มต้นที่บริเวณลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 มุ่งหน้าสู่ถนนพระราม 4 ผ่านแยกสามย่าน เลี้ยวขวาเข้าถนนพญาไท ผ่านหน้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แยกปทุมวัน และแยกราชเทวี ก่อนเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี มุ่งตรงแยกประตูน้ำ เลี้ยวขวาถนนชิดลม และเข้าสู่ถนนหลังสวน ก่อนกลับมายังสวนลุมพินีอีกครั้ง รวมระยะทางทั้งสิ้น 7.2 กม. โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชม.
ส่วนการเดินรณรงค์วันที่ 4 ในวันนี้ (27มี.ค.) จะเริ่มเดินจากสวนลุมพินี มุ่งหน้าแยกราชประสงค์ แยกปทุมวัน แยกแยกเจริญผล เข้าสู่ถนนบรรทัดทอง ถนนพระราม 4 และกลับมายังเวทีสวนลุมพินี รวมระยะทางโดยประมาณ 6.4 กม.
ทั้งนี้ ระหว่างเดินขบวน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนายกฯคนกลาง ว่าหากอยากทราบว่านายกรัฐมนตรีคนกลางเป็นบุคคลใด ก็ขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งรักษาการนายกฯ โดยเร็ว ตนจะเปิดเผยทันที
***คปท.จี้ทหารยืนข้างประชาชน
ขณะที่กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ และนายอุทัย ยอดมณี พร้อมมวลชน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก โดยมี พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก เป็นตัวแทนรับมอบ ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดของสารวัตรทหาร โดยมีการปิดประตูด้านหลัง ซึ่งใช้เป็นทางเข้า-ออกเพียงประตูเดียวของ ทบ.ด้วย
นายนิติธรกล่าวว่า นำหนังสือมายื่นถึง พล.อ.ประยุทธ์ โดยในหนังสือกล่าวถึงพฤติกรรมการทุจริตคอร์รัปชั่น พฤติกรรมการจาบจ้วงสถาบัน และพฤติกรรมแบ่งแยกประเทศ ซึ่งเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในรัฐบาลรักษาการของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และที่ผ่านมา ทหารเคยพูดไว้ว่าถ้ารัฐบาลไม่ยอมรับอำนาจกระบวนการยุติธรรม ทหารจะไม่ยอมเช่นกันนั้น ตนจึงอยากขอถามว่าทำไมจึงปล่อยให้มีระเบิดเกิดขึ้นกับองค์กรเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระ จึงอยากขอให้ทหารมายืนข้างประชาชน
***"เต้น"เปิดอีก 8 รายชื่อรัฐมนตรี กปปส.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า หาก กปปส.ปฏิวัติประชาชนสำเร็จ นายสุเทพจะะตั้งตนเป็นรัฐถาธิปัตย์ของประเทศ มีอำนาจสูงสุดมากกว่าอำนาจอธิปไตย สามารถสั่งจับใครก็ได้ สั่งยึดทรัพย์หรือเนรเทศใครก็ได้ โดยขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ส่วนนายกรัฐมนตรีเถื่อนต้องได้รับการพิจารณาจากพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิยังเปิดเผยรายชื่อคณะรัฐมนตรีของกลุ่ม กปปส.จำนวน 8 คน ประกอบด้วย 1. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี 2. นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนปัจจุบัน 3.นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น 4.นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 5.นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีนิด้า 6.นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 7.นายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 8.นายเสรี วงศ์มณฑา นักวิชาการอิสระ
ส่วนผู้ที่จะมาทำหน้าที่ในสภาประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการ ประกอบด้วย 1. น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ 2.นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง 3.นายแก้วสรร อติโพธิ 4.นายทวี สุรฤทธิกุล 5.นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ 6.นายบรรเจิด สิงคะเนติ 7.นายประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส
นายณัฐวุฒิกล่าวยืนยันว่า การเปิดเผยรายชื่อมาทั้งหมดไม่ได้เป็นการตีปลาหน้าไซ เพราะเป็นข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์แล้ว และยินดีรับผิดชอบหากบุคคลที่มีรายชื่อจะฟ้องร้องทางกฎหมาย
***อ้างพระสารภาพทำร้ายม็อบแดงก่อน
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการ ศอ.รส. กล่าวถึงเหตุการณ์ทำร้ายพระสงฆ์ บริเวณหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธร เมืองนนทบุรี ได้จับกุมผู้ก่อเหตุได้ 4 คน ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ซึ่งจาการสอบสวนได้ความจากปากคำของ พระภิกษุสงฆ์ คือ พระปราชญ์ ศุภวิรุตม์ ได้ให้การ ยอมรับว่าเป็นฝ่ายเริ่มด่าว่า และลงมือทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม กวป. ก่อน ด้วยการขว้างปาขวด และใช้ไม้ตะพดไล่ตี ซึ่งเป็นการให้การต่อหน้าพนักงานสอบสวน และสื่อมวลชน
ส่วนกรณีมือปืนป๊อปคอร์น หรือนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ ได้ตรวจสอบแล้ว ขอยืนยันว่าเป็นผู้ต้องหาที่กระทำผิดจริง การจับกุม สอบสวนและนำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจำนวนมาก ที่ ศอ.รส. เป็นไปโดยเปิดเผย เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามด้วย และไม่มีร่องรอยถูกซ้อมใดๆ แต่เมื่อผู้ต้องหาได้พบกับทนายความของ คปท. ผู้ต้องหาก็กลับคำให้การ อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ซ้อม จึงรับสารภาพ จึงขอยืนยันว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดทำร้ายผู้ต้องหา และไม่มีการจับแพะอย่างแน่นอน แต่เมื่อผู้ต้องหาพบทนายความแล้ว จะให้การอย่างใด ก็ให้การได้ โดยไม่มีความผิดแม้จะเป็นความเท็จ เพราะกฎหมายให้โอกาสผู้ต้องหาต่อสู้คดีได้เต็มที่ แม้ว่าจะกลับคำให้การใหม่ และเป็นความเท็จก็ตาม
***DSIส่งสำนวนฟ้อง"มาร์ค-เทือก"ให้อัยการ
นายธาริตกล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำสำนวนการสอบสวนกรณีการตายของนายสุวัน ศรีรักษา, นายอัฐชัย ชุมจันทร์, นายมงคล เข็มทอง, นายรพ สุขสถิตย์, น.ส.กมนเกด อัคฮาด, นายอัครเดช ขันแก้ว และการบาดเจ็บสาหัสของนายณรงค์ศักดิ์ สิงห์แม, นายบัวศรี ทุมมา, นายเพิ่มสุข ใจเย็น, นายกิตติชัย แข็งขัน และนายแอนดรู บันคอม จากกรณี 6 ศพวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในความผิดฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายาม ฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 80, 83, 84, 288 ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการต่อไปแล้ว
**ตร.ปัดซ้อมมือปืนป็อปคอร์นให้สารภาพ
พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม กล่าวว่า การจับกุมนายวิวัฒน์ มีภาพถ่ายนายวิวัฒน์ ทั้งตอนอยู่ในจุดเกิดเหตุ ตอนยิง ตอนถอดหมวก ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า ชายในภาพคือตัวเอง และยังรับว่ายิงไป 20 กว่านัด ขณะที่ก่อนจับกุมก็มีการสืบสวนสอบสวนออกหมายจับ จับกุมตัวได้นำตัวมาแถลงข่าวเจ้าตัวก็พูดต่อหน้าสื่อมวลชนจำนวนมาก ยืนยันว่าไม่มีการซ้อมทรมานให้รับสารภาพ เข้าใจว่าการออกมาพูดเช่นนี้เป็นรูปแบบที่ทำกันเมื่อผู้ต้องหาจะกลับคำให้การหลังจากได้รับสารภาพไปแล้ว
**ตรวจสอบยิงเอ็ม79 บ้านกำนันสุเทพ
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.น.7 พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.ธรรมศาลา พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่หน่วยตรวจสอบ และเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังมีคนร้ายลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่บริเวณบ้านพักเลขที่ 151 ซอยพุทธมณฑล สาย 2 ที่ 27 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. ซึ่งเป็นบ้านของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับทราบจากพยานบุคคล ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังบ้านของนายสุเทพ ทางทิศเหนือของคลองบ้านไทรว่าระเบิดได้ตกลงไปในคลองดังกล่าว ตนจึงได้จัดชุดเจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าไป เพื่อเก็บกู้วัตถุพยานหลักฐาน แต่ขณะนี้ยังไม่พบ ตนได้เร่งรัดสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ จัดหานักประดาน้ำ และคนที่มีความชำนาญนำอุปกรณ์ร่อนโลหะ มาใช้ในการหาเศษวัตถุระเบิด
ด้านพล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ บก.น. 7 ได้จัดตั้งจุดเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นเป็น 6 จุด เริ่มตั้งแต่ปากทางเข้าซอยต้นไทร จนถึงท้ายซอย หน้าบ้านพักของนายสุเทพ ทางลงคู่ขนานลอยฟ้า และช่วงทางเบี่ยงพุทธมณฑล สาย 2 ออกถนนบรมราชชนนี และยังมีการขึงตาข่ายในจุดที่เจ้าหน้าที่อีโอดีแนะนำว่าเป็นจุดล่อแหลมที่คนร้ายจะใช้ก่อเหตุ เพื่อป้องกันเหตุเกิดขึ้นซ้ำอีก
**เร่งคลี่คลายคดีทำร้าย3คดีโยงการเมือง
วันเดียวกันนี้ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ รอง ผบช.น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมคลี่คลายคดีชายนิรนาม ถูกยิงเสียชีวิตและทิ้งศพไว้บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 ท้องที่ สน.ประชาชื่น และคดีศพชายนิรนามถูกทำร้ายยัดศพใส่กระสอบป่านโยนทิ้งในแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้โรงเเรมริเวอร์ไซด์ท้องที่ สน.บวรมงคล และคดีของนายยืม นิลหล้า รปภ.ซึ่งถูกการ์ด กปปส.ทำร้ายร่างกายและนำศพไปโยนทิ้งที่แม่น้ำบางปะกง แต่รอดชีวิตมาได้
***"สุเทพ"วอนแคนดิเดตนายกฯอย่าหวั่นไหว
เมื่อเวลา 20.15น.นายสุเทพ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยว่า รัฐบาลไม่ยอมรับการทำงานขององค์กรอิสระทุกองค์โดยเฉพาะการทำงานของ ป.ป.ช. ที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลกระทำ เปรียบเสมือนเป็นลูกกำพร้า เพราะแม้จะโดนระเบิดเอ็ม 79 รายวันและกรรมการ ป.ป.ช.ถูกข่มขู่ แต่ไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปดูแล แม้แต่ศูนย์อำนวยรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ที่รัฐบาลตั้งขึ้น
"รัฐบาลพยายามที่จะดีสเครดิตบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ แต่ไม่ได้สนับสนุนรัฐบาล เพื่อกดดันให้บุคคลเหล่านั้นออกมาปฏิเสธ โดยย้ำว่า กปปส.ยังไม่ได้หารือว่าบุคคลใดจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง เพราะต้องการให้รัฐบาลลาออกจากการรักษาการก่อน ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นประชาชนจะเป็นรัฐาธิปัตย์และจะบอกว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น บุคคลที่ถูกกลุ่ม นปช.เปิดเผยรายชื่ออย่าหวั่นไหวหรือกังวลใจ เพราะยังไม่ถึงจุดนั้น แต่ที่ชัดเจนคือจะไม่มีรายชื่อตนเป็นนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ยืนยัน กปปส.จะคัดค้านการเลือกตั้งจนถึงที่สุด เพื่อนำไปสู่หนทางเดียวในการปฏิรูป"นายสุเทพกล่าว
ทั้งนี้ นายสุเทพได้กล่าวเชิญชวนประชาชนให้ออกมาร่วมการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 29 มี.ค.นี้ เพื่อแสดงพลังให้เกิดการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง โดยวันนี้ (27 มี.ค.) กปปส.จะเดินรณรงค์เป็นวันที่ 4 เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น. เดินขบวนจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอ่อนนุช ใช้ถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาเข้าถนนเอกมัย มุ่งหน้าถนนเพชรบุรี เพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าถนนทองหล่อ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าแยกราชประสงค์ ก่อนใช้ถนนราชดำริกลับสวนลุมพินี รวมระยะทาง 15 กิโลเมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 มี.ค.) นายศรรักษ์ มาลัยทอง แกนนำกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) เครือข่ายกลุ่มคนเสื้อแดง ได้นำผู้ชุมนุม กวป. บุกเข้าไปยังบังเกอร์ทหารที่ดูแลความปลอดภัยให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บริเวณซอยติวานนท์ 37 ซึ่งเป็นประตูด้านหลัง ป.ป.ช. พร้อมกับไล่ทหารที่รักษาความเรียบร้อยออกจากบังเกอร์ ก่อนจะเข้ารื้อกระสอบทรายและเต็นท์ลายพรางที่กันเป็นบังเกอร์ออก ท่ามกลางสายตาประชาชนจำนวนมากที่อยู่บริเวณดังกล่าวต่างวิจารณ์ว่า กปว.ต้องการยั่วยุทหาร
อย่างไรก็ตาม หลังจากกลุ่ม กวป.เข้ารื้อบังเกอร์แล้ว ทหารได้นำรถมาขนสิ่งของออกจากซอยติวานนท์ 37 โดยไม่ตอบโต้ใดๆ
***ปรับแผน รปภ.สำนักงาน ป.ป.ช.
พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1รอ.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม กวป. กดดันทหารชุดปฏิบัติการมวลชน ซึ่งเป็นของกองพลทหารราบที่ 9 ที่ประจำการอยู่บริเวณสำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ ว่า มวลชนกลุ่มดังกล่าวไม่ต้องการให้ทหารตั้งบังเกอร์ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องขยับบังเกอร์ออกมา และหลังจากนี้จะปรับมาตรการ โดยใช้การลาดตระเวนด้วยรถจักรยานยนต์แทนการตั้งจุดปฏิบัติการที่เป็นลักษณะถาวร ซึ่งการที่ทหารไปตั้งจุดบริเวณดังกล่าว เนื่องจากพบว่า เป็นจุดเสี่ยงที่คนร้ายอาจจะยิงเอ็ม 79 ใส่สำนักงานป.ป.ช.ได้
"หากพูดตามหลักกฎหมายแล้ว กลุ่มมวลชนดังกล่าวไม่มีสิทธิ์มาไล่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แต่ทหารไม่อยากมีปัญหา ก็เลยถอนตัวออกมาแล้ว และหลังจากนี้อาจจะไม่ตั้งจุดปฏิบัติการที่เป็นลักษณะถาวร แต่จะเน้นการลาดตระเวนแทน"
***กปปส.เชิญชวนร่วมชุมนุมใหญ่29มี.ค.
สำหรับความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ยังคงขบวนเดินรณรงค์ เป็นวันที่ 3 เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 29 มี.ค. เพื่อแสดงพลังสนับสนุนให้เกิดการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง โดยขบวนเริ่มต้นที่บริเวณลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 มุ่งหน้าสู่ถนนพระราม 4 ผ่านแยกสามย่าน เลี้ยวขวาเข้าถนนพญาไท ผ่านหน้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แยกปทุมวัน และแยกราชเทวี ก่อนเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี มุ่งตรงแยกประตูน้ำ เลี้ยวขวาถนนชิดลม และเข้าสู่ถนนหลังสวน ก่อนกลับมายังสวนลุมพินีอีกครั้ง รวมระยะทางทั้งสิ้น 7.2 กม. โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชม.
ส่วนการเดินรณรงค์วันที่ 4 ในวันนี้ (27มี.ค.) จะเริ่มเดินจากสวนลุมพินี มุ่งหน้าแยกราชประสงค์ แยกปทุมวัน แยกแยกเจริญผล เข้าสู่ถนนบรรทัดทอง ถนนพระราม 4 และกลับมายังเวทีสวนลุมพินี รวมระยะทางโดยประมาณ 6.4 กม.
ทั้งนี้ ระหว่างเดินขบวน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนายกฯคนกลาง ว่าหากอยากทราบว่านายกรัฐมนตรีคนกลางเป็นบุคคลใด ก็ขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งรักษาการนายกฯ โดยเร็ว ตนจะเปิดเผยทันที
***คปท.จี้ทหารยืนข้างประชาชน
ขณะที่กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ และนายอุทัย ยอดมณี พร้อมมวลชน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก โดยมี พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก เป็นตัวแทนรับมอบ ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดของสารวัตรทหาร โดยมีการปิดประตูด้านหลัง ซึ่งใช้เป็นทางเข้า-ออกเพียงประตูเดียวของ ทบ.ด้วย
นายนิติธรกล่าวว่า นำหนังสือมายื่นถึง พล.อ.ประยุทธ์ โดยในหนังสือกล่าวถึงพฤติกรรมการทุจริตคอร์รัปชั่น พฤติกรรมการจาบจ้วงสถาบัน และพฤติกรรมแบ่งแยกประเทศ ซึ่งเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในรัฐบาลรักษาการของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และที่ผ่านมา ทหารเคยพูดไว้ว่าถ้ารัฐบาลไม่ยอมรับอำนาจกระบวนการยุติธรรม ทหารจะไม่ยอมเช่นกันนั้น ตนจึงอยากขอถามว่าทำไมจึงปล่อยให้มีระเบิดเกิดขึ้นกับองค์กรเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระ จึงอยากขอให้ทหารมายืนข้างประชาชน
***"เต้น"เปิดอีก 8 รายชื่อรัฐมนตรี กปปส.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า หาก กปปส.ปฏิวัติประชาชนสำเร็จ นายสุเทพจะะตั้งตนเป็นรัฐถาธิปัตย์ของประเทศ มีอำนาจสูงสุดมากกว่าอำนาจอธิปไตย สามารถสั่งจับใครก็ได้ สั่งยึดทรัพย์หรือเนรเทศใครก็ได้ โดยขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ส่วนนายกรัฐมนตรีเถื่อนต้องได้รับการพิจารณาจากพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิยังเปิดเผยรายชื่อคณะรัฐมนตรีของกลุ่ม กปปส.จำนวน 8 คน ประกอบด้วย 1. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี 2. นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนปัจจุบัน 3.นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น 4.นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 5.นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีนิด้า 6.นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 7.นายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 8.นายเสรี วงศ์มณฑา นักวิชาการอิสระ
ส่วนผู้ที่จะมาทำหน้าที่ในสภาประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการ ประกอบด้วย 1. น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ 2.นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง 3.นายแก้วสรร อติโพธิ 4.นายทวี สุรฤทธิกุล 5.นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ 6.นายบรรเจิด สิงคะเนติ 7.นายประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส
นายณัฐวุฒิกล่าวยืนยันว่า การเปิดเผยรายชื่อมาทั้งหมดไม่ได้เป็นการตีปลาหน้าไซ เพราะเป็นข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์แล้ว และยินดีรับผิดชอบหากบุคคลที่มีรายชื่อจะฟ้องร้องทางกฎหมาย
***อ้างพระสารภาพทำร้ายม็อบแดงก่อน
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการ ศอ.รส. กล่าวถึงเหตุการณ์ทำร้ายพระสงฆ์ บริเวณหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธร เมืองนนทบุรี ได้จับกุมผู้ก่อเหตุได้ 4 คน ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ซึ่งจาการสอบสวนได้ความจากปากคำของ พระภิกษุสงฆ์ คือ พระปราชญ์ ศุภวิรุตม์ ได้ให้การ ยอมรับว่าเป็นฝ่ายเริ่มด่าว่า และลงมือทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม กวป. ก่อน ด้วยการขว้างปาขวด และใช้ไม้ตะพดไล่ตี ซึ่งเป็นการให้การต่อหน้าพนักงานสอบสวน และสื่อมวลชน
ส่วนกรณีมือปืนป๊อปคอร์น หรือนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ ได้ตรวจสอบแล้ว ขอยืนยันว่าเป็นผู้ต้องหาที่กระทำผิดจริง การจับกุม สอบสวนและนำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจำนวนมาก ที่ ศอ.รส. เป็นไปโดยเปิดเผย เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามด้วย และไม่มีร่องรอยถูกซ้อมใดๆ แต่เมื่อผู้ต้องหาได้พบกับทนายความของ คปท. ผู้ต้องหาก็กลับคำให้การ อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ซ้อม จึงรับสารภาพ จึงขอยืนยันว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดทำร้ายผู้ต้องหา และไม่มีการจับแพะอย่างแน่นอน แต่เมื่อผู้ต้องหาพบทนายความแล้ว จะให้การอย่างใด ก็ให้การได้ โดยไม่มีความผิดแม้จะเป็นความเท็จ เพราะกฎหมายให้โอกาสผู้ต้องหาต่อสู้คดีได้เต็มที่ แม้ว่าจะกลับคำให้การใหม่ และเป็นความเท็จก็ตาม
***DSIส่งสำนวนฟ้อง"มาร์ค-เทือก"ให้อัยการ
นายธาริตกล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำสำนวนการสอบสวนกรณีการตายของนายสุวัน ศรีรักษา, นายอัฐชัย ชุมจันทร์, นายมงคล เข็มทอง, นายรพ สุขสถิตย์, น.ส.กมนเกด อัคฮาด, นายอัครเดช ขันแก้ว และการบาดเจ็บสาหัสของนายณรงค์ศักดิ์ สิงห์แม, นายบัวศรี ทุมมา, นายเพิ่มสุข ใจเย็น, นายกิตติชัย แข็งขัน และนายแอนดรู บันคอม จากกรณี 6 ศพวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในความผิดฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายาม ฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 80, 83, 84, 288 ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการต่อไปแล้ว
**ตร.ปัดซ้อมมือปืนป็อปคอร์นให้สารภาพ
พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม กล่าวว่า การจับกุมนายวิวัฒน์ มีภาพถ่ายนายวิวัฒน์ ทั้งตอนอยู่ในจุดเกิดเหตุ ตอนยิง ตอนถอดหมวก ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า ชายในภาพคือตัวเอง และยังรับว่ายิงไป 20 กว่านัด ขณะที่ก่อนจับกุมก็มีการสืบสวนสอบสวนออกหมายจับ จับกุมตัวได้นำตัวมาแถลงข่าวเจ้าตัวก็พูดต่อหน้าสื่อมวลชนจำนวนมาก ยืนยันว่าไม่มีการซ้อมทรมานให้รับสารภาพ เข้าใจว่าการออกมาพูดเช่นนี้เป็นรูปแบบที่ทำกันเมื่อผู้ต้องหาจะกลับคำให้การหลังจากได้รับสารภาพไปแล้ว
**ตรวจสอบยิงเอ็ม79 บ้านกำนันสุเทพ
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.น.7 พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.ธรรมศาลา พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่หน่วยตรวจสอบ และเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังมีคนร้ายลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่บริเวณบ้านพักเลขที่ 151 ซอยพุทธมณฑล สาย 2 ที่ 27 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. ซึ่งเป็นบ้านของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับทราบจากพยานบุคคล ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังบ้านของนายสุเทพ ทางทิศเหนือของคลองบ้านไทรว่าระเบิดได้ตกลงไปในคลองดังกล่าว ตนจึงได้จัดชุดเจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าไป เพื่อเก็บกู้วัตถุพยานหลักฐาน แต่ขณะนี้ยังไม่พบ ตนได้เร่งรัดสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ จัดหานักประดาน้ำ และคนที่มีความชำนาญนำอุปกรณ์ร่อนโลหะ มาใช้ในการหาเศษวัตถุระเบิด
ด้านพล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ บก.น. 7 ได้จัดตั้งจุดเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นเป็น 6 จุด เริ่มตั้งแต่ปากทางเข้าซอยต้นไทร จนถึงท้ายซอย หน้าบ้านพักของนายสุเทพ ทางลงคู่ขนานลอยฟ้า และช่วงทางเบี่ยงพุทธมณฑล สาย 2 ออกถนนบรมราชชนนี และยังมีการขึงตาข่ายในจุดที่เจ้าหน้าที่อีโอดีแนะนำว่าเป็นจุดล่อแหลมที่คนร้ายจะใช้ก่อเหตุ เพื่อป้องกันเหตุเกิดขึ้นซ้ำอีก
**เร่งคลี่คลายคดีทำร้าย3คดีโยงการเมือง
วันเดียวกันนี้ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ รอง ผบช.น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมคลี่คลายคดีชายนิรนาม ถูกยิงเสียชีวิตและทิ้งศพไว้บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 ท้องที่ สน.ประชาชื่น และคดีศพชายนิรนามถูกทำร้ายยัดศพใส่กระสอบป่านโยนทิ้งในแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้โรงเเรมริเวอร์ไซด์ท้องที่ สน.บวรมงคล และคดีของนายยืม นิลหล้า รปภ.ซึ่งถูกการ์ด กปปส.ทำร้ายร่างกายและนำศพไปโยนทิ้งที่แม่น้ำบางปะกง แต่รอดชีวิตมาได้
***"สุเทพ"วอนแคนดิเดตนายกฯอย่าหวั่นไหว
เมื่อเวลา 20.15น.นายสุเทพ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยว่า รัฐบาลไม่ยอมรับการทำงานขององค์กรอิสระทุกองค์โดยเฉพาะการทำงานของ ป.ป.ช. ที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลกระทำ เปรียบเสมือนเป็นลูกกำพร้า เพราะแม้จะโดนระเบิดเอ็ม 79 รายวันและกรรมการ ป.ป.ช.ถูกข่มขู่ แต่ไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปดูแล แม้แต่ศูนย์อำนวยรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ที่รัฐบาลตั้งขึ้น
"รัฐบาลพยายามที่จะดีสเครดิตบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ แต่ไม่ได้สนับสนุนรัฐบาล เพื่อกดดันให้บุคคลเหล่านั้นออกมาปฏิเสธ โดยย้ำว่า กปปส.ยังไม่ได้หารือว่าบุคคลใดจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง เพราะต้องการให้รัฐบาลลาออกจากการรักษาการก่อน ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นประชาชนจะเป็นรัฐาธิปัตย์และจะบอกว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น บุคคลที่ถูกกลุ่ม นปช.เปิดเผยรายชื่ออย่าหวั่นไหวหรือกังวลใจ เพราะยังไม่ถึงจุดนั้น แต่ที่ชัดเจนคือจะไม่มีรายชื่อตนเป็นนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ยืนยัน กปปส.จะคัดค้านการเลือกตั้งจนถึงที่สุด เพื่อนำไปสู่หนทางเดียวในการปฏิรูป"นายสุเทพกล่าว
ทั้งนี้ นายสุเทพได้กล่าวเชิญชวนประชาชนให้ออกมาร่วมการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 29 มี.ค.นี้ เพื่อแสดงพลังให้เกิดการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง โดยวันนี้ (27 มี.ค.) กปปส.จะเดินรณรงค์เป็นวันที่ 4 เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น. เดินขบวนจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอ่อนนุช ใช้ถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาเข้าถนนเอกมัย มุ่งหน้าถนนเพชรบุรี เพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าถนนทองหล่อ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าแยกราชประสงค์ ก่อนใช้ถนนราชดำริกลับสวนลุมพินี รวมระยะทาง 15 กิโลเมตร