ศูนย์ข่าวศรีราชา - 2 นายกสมาคมผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่ของไทย ชื่นชมการทำงานของ คสช. โดยเฉพาะเดินหน้าคืนเงินจำนำข้าว ส่งผลให้เศรษฐกิจกลับมากระเตื้องไม่น้อยกว่า 3-5% ขณะที่การส่งออกเนื้อไก่ และการส่งออกมันสำปะหลังของไทย ยังไม่ได้รับผลกระทบ ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากความมั่นใจในเสถียรภาพการเมืองที่จะกลับสู่ภาวะปกติในอีกไม่นาน
นางฉวีวรรณ คำพา ประธานกรรมการบริษัท ฉวีวรรณฟาร์ม จำกัด ในฐานะนายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า การเร่งคืนเงินจำนำข้าวให้แก่ชาวนาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็นแนวทางที่ดี และถูกต้องที่สุดของการเข้ามาบริหารประเทศในขณะนี้ เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้ชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อนมานาน จากการไม่มีเงินใช้จ่าย ได้มีต้นทุนสำหรับการปลูกข้าวในฤดูกาลใหม่ และยังทำให้เกิดการหมุนเวียนทางการเงิน รวมทั้งเอสเอ็มอี และการส่งออกที่ตกต่ำมานาน
ที่สำคัญยังจะทำให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจในการปล่อยกู้ และสนับสนุนงบประมาณทางการลงทุนให้แก่กลุ่มเกษตรกรมากขึ้น ส่วนการคัดค้านการทำรัฐประหารในไทยของสหรัฐอเมริกา เชื่อว่าเป็นเพียงการแสดงบทบาทหนึ่งของประเทศที่ยึดแนวทางประชาธิปไตย 100% เท่านั้น และขณะนี้ยังไม่มีการกีดกันการค้า โดยเฉพาะการลดคำสั่งซื้อเนื้อไก่จากไทยแต่อย่างใด
“การที่ทหารออกมาทำรัฐประหารนั้น เชื่อว่าอดกลั้นกับสถานการณ์บ้านเมืองที่วุ่นวายมานาน การออกมาของทหารถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการฆ่ากันเอง เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอม และในมุมมองของนักธุรกิจเชื่อว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยจะดีขึ้น จากความเชื่อมั่นของคู่ค้าว่าประเทศไทยสามารถจัดการปัญหาความวุ่นวายได้”
นางฉวีวรรณ กล่าวว่า สิ่งที่อยากฝากไปยังคณะทหาร คือ การทำงานทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นกลาง และไม่เอนเอียงไปทางฝ่ายใด เพราะไม่เช่นนั้นความวุ่นวายจะไม่จบ และขอเป็นกำลังใจให้เดินหน้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความปรองดองในชาติ
เช่นเดียวกับ นายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย กล่าวว่า การจ่ายเงินจำนำข้าวให้แก่ชาวนา ถือเป็นสิ่งประเสริฐที่สุดของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองที่ควรทำให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะการออกนโยบายปราบปรามการปล่อยเงินกู้นอกระบบ ที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินจริง ถือเป็นการสวมเสื้อเกราะให้แก่ชาวนา
“เชื่อว่าการเร่งจ่ายเงินจำนำข้าวจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจกลับมากระเตื้องไม่น้อยกว่า 3-5% เพราะเมื่อชาวนาได้เงินจำนำข้าว ก็จะนำไปชำระค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ทั้งยาฆ่าแมลง เครื่องจักร และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ซึ่งจะทำให้คนอีกไม่น้อยกว่า 1 ล้านครัวเรือน ได้รับผลดีจากการมีเงินหมุนเข้าสู่ระบบ”
นายนิยม กล่าวว่า ส่วนของการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยตน และอีก 3 สมาคมที่เกี่ยวเนื่องได้ทำความเข้าใจกับคู่ค้าแล้วว่า การส่งออกสินค้าต่างๆ จะเป็นไปตามปกติ โดยที่ทหารไม่ได้เข้ามาจำกัดการส่งออก และเชื่อว่าการส่งออกมันสำปะหลังของไทยในปีนี้จะมีสูงกว่า 1.3 แสนล้านบาท จากที่เคยทำได้ในปีก่อน
“ผมให้ความมั่นใจแก่เกษตรกรผู้ปลูกมันในประเทศได้เลยว่า ปีนี้ราคาส่งออกผลิตภัณฑ์มันจะไม่ต่ำกว่า 2.5 พันบาทต่อตัน และเมื่อเข้าสู่เออีซี ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางการผลิต และส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่สำคัญในเขตอาเซียน และขอฝากไปยังคณะ คสช.ว่า สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย และสมาคมที่เกี่ยวเนื่องอีก 3 สมาคม พร้อมจะช่วยเหลือการทำงานของ คสช. ในการพัฒนาการค้ามันของไทย เพียงแต่ขอให้เรียกเราเข้าไป เราพร้อมจะนำความรู้ที่มีไปบอกกล่าว เพื่อให้ไทยกลับมาเป็นผู้นำในตลาดภูมิภาคอาเซียนอีกครั้ง”