ASTVผู้จัดการออนไลน์ -สคบ. ชูเมืองไทยประกันชีวิต ผู้นำคุณภาพมาตรฐานด้านบริการศูนย์รับเรื่อง และแก้ไขปัญหาผู้บริโภคดีเด่น
นายวชิรพล เขมนิพิฐพนธ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกัน ชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับใบประกาศเกียรติคุณศูนย์รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคดีเด่น จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในงานมอบใบประกาศเกียรติคุณฯ ซึ่งจัดโดย สคบ. ร่วมกับสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (สรอ.) ณ โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเวอรีน ถนนพระราม 9
นายวชิรพล กล่าวว่า บริษัทฯ มีความปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมากที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณดังกล่าว และนับเป็นกำลังใจสำคัญยิ่งทั้งต่อองค์กร และบุคลากรที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการให้บริการรับเรื่อง และแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้บริโภค โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พัฒนาการ และให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานด้านดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมาตรฐานมากที่สุด
“บริษัทฯ ได้มีการกำหนด 3 แนวทางหลัก เพื่อให้การบริการของศูนย์รับเรื่องและแก้ไขปัญหาผู้บริโภค ของเมืองไทยประกันชีวิต ประสบความสำเร็จ และเป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภค ประกอบด้วย 1.มีการกำหนดกลยุทธ์และแผนงานในการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพที่ชัดเจน และเป็นรูปธรรม 2.สนับสนุนและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย รวมถึงบุคลากรที่ให้บริการอย่างต่อเนื่อง และ 3.บริษัทฯ มีทีมงานที่มีคุณภาพ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการให้บริการเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจัยข้างต้นเหล่านี้เองทำให้ สคบ. เล็งเห็นถึงความตั้งใจจริงของบริษัทฯ และส่งเสริมให้ได้รับใบประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้” นายวชิรพล กล่าวและว่า
ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ให้บริการด้านรับเรื่อง และแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้บริโภคผ่านช่องทางที่มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นศูนย์บริการลูกค้า หรือเมืองไทย Smile ทั้งทางโทรศัพท์หมายเลข 1766 กด 7 และอีเมล ccc@muangthai.co.th และยังมีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการช่วยตรวจสอบความคิดเห็น และความพึงพอใจของผู้บริโภคในช่องทางสื่อออนไลน์
ทั้งนี้ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการพัฒนาการให้บริการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ผู้บริโภคนั่นเอง นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังสามารถเข้ามารับบริการได้ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ ถนนรัชดาภิเษก ณ อาคาร 1 ชั้น 1 ซึ่งจะพบกับศูนย์บริการลูกค้า (Customer Service Center : CSC) อันทันสมัย และมีประสิทธิภาพ พร้อมอำนวยความสะดวกด้วยการบริการแบบ One-Stop Service
อย่างไรก็ตาม “บริษัทฯ จะยังคงดำเนินการให้ความสำคัญต่อการรับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยจะพัฒนาเทคโนโลยีการให้บริการตามนโยบายบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำ “Digital Insurer” เพื่อให้มีความทันสมัยสอดคล้องต่อพฤติกรรม และความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ต้องการรับการบริการด้วยความรวดเร็ว และสะดวกสบาย รวมถึงการพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญให้สอดรับกับนโยบายประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่กำลังจะมาถึง เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ” นายวชิรพล กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาศักยภาพศูนย์รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภค (Call Center) ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมกับสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (สรอ.) โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจด้านศูนย์รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้บริโภค และเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีศักยภาพความ และสามารถ ควรแก่การได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ ทั้งสามารถสร้างภาพลักษณ์ และความรู้สึกที่ดีด้านคุณภาพในการให้บริการ ควบคู่ไปกับการมีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม โดยสามารถให้คำปรึกษา รวมถึงบรรเทา และเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ โดยผู้บริโภคมีความพึงพอใจ และสามารถยุติเรื่องร้องเรียนได้โดยผู้บริโภคไม่ต้องร้องเรียนมายังสคบ.
นายวชิรพล เขมนิพิฐพนธ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกัน ชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับใบประกาศเกียรติคุณศูนย์รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคดีเด่น จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในงานมอบใบประกาศเกียรติคุณฯ ซึ่งจัดโดย สคบ. ร่วมกับสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (สรอ.) ณ โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเวอรีน ถนนพระราม 9
นายวชิรพล กล่าวว่า บริษัทฯ มีความปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมากที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณดังกล่าว และนับเป็นกำลังใจสำคัญยิ่งทั้งต่อองค์กร และบุคลากรที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการให้บริการรับเรื่อง และแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้บริโภค โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พัฒนาการ และให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานด้านดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมาตรฐานมากที่สุด
“บริษัทฯ ได้มีการกำหนด 3 แนวทางหลัก เพื่อให้การบริการของศูนย์รับเรื่องและแก้ไขปัญหาผู้บริโภค ของเมืองไทยประกันชีวิต ประสบความสำเร็จ และเป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภค ประกอบด้วย 1.มีการกำหนดกลยุทธ์และแผนงานในการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพที่ชัดเจน และเป็นรูปธรรม 2.สนับสนุนและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย รวมถึงบุคลากรที่ให้บริการอย่างต่อเนื่อง และ 3.บริษัทฯ มีทีมงานที่มีคุณภาพ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการให้บริการเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจัยข้างต้นเหล่านี้เองทำให้ สคบ. เล็งเห็นถึงความตั้งใจจริงของบริษัทฯ และส่งเสริมให้ได้รับใบประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้” นายวชิรพล กล่าวและว่า
ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ให้บริการด้านรับเรื่อง และแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้บริโภคผ่านช่องทางที่มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นศูนย์บริการลูกค้า หรือเมืองไทย Smile ทั้งทางโทรศัพท์หมายเลข 1766 กด 7 และอีเมล ccc@muangthai.co.th และยังมีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการช่วยตรวจสอบความคิดเห็น และความพึงพอใจของผู้บริโภคในช่องทางสื่อออนไลน์
ทั้งนี้ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการพัฒนาการให้บริการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ผู้บริโภคนั่นเอง นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังสามารถเข้ามารับบริการได้ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ ถนนรัชดาภิเษก ณ อาคาร 1 ชั้น 1 ซึ่งจะพบกับศูนย์บริการลูกค้า (Customer Service Center : CSC) อันทันสมัย และมีประสิทธิภาพ พร้อมอำนวยความสะดวกด้วยการบริการแบบ One-Stop Service
อย่างไรก็ตาม “บริษัทฯ จะยังคงดำเนินการให้ความสำคัญต่อการรับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยจะพัฒนาเทคโนโลยีการให้บริการตามนโยบายบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำ “Digital Insurer” เพื่อให้มีความทันสมัยสอดคล้องต่อพฤติกรรม และความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ต้องการรับการบริการด้วยความรวดเร็ว และสะดวกสบาย รวมถึงการพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญให้สอดรับกับนโยบายประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่กำลังจะมาถึง เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ” นายวชิรพล กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาศักยภาพศูนย์รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภค (Call Center) ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมกับสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (สรอ.) โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจด้านศูนย์รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้บริโภค และเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีศักยภาพความ และสามารถ ควรแก่การได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ ทั้งสามารถสร้างภาพลักษณ์ และความรู้สึกที่ดีด้านคุณภาพในการให้บริการ ควบคู่ไปกับการมีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม โดยสามารถให้คำปรึกษา รวมถึงบรรเทา และเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ โดยผู้บริโภคมีความพึงพอใจ และสามารถยุติเรื่องร้องเรียนได้โดยผู้บริโภคไม่ต้องร้องเรียนมายังสคบ.