อุตรดิตถ์ - อดีต ส.จ.อุตรดิตถ์ทวงนโยบายหาเสียงนายก อบจ. “ตำบลละ 1 ล้าน หมู่บ้านละ 1 แสน โรงเรียนละ 1 หมื่น” มาถึงวันนี้เกือบครบ 2 ปียังไม่เห็นแม้แต่บาทเดียว จวกซ้ำ กกต.ยกคำร้องทำนักการเมืองหาเสียงแบบลมๆ แล้งๆได้
นายธนพล หมื่นยา อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุตรดิตถ์ อ.ลับแล เขต 1 กล่าวว่า ก่อนการเลือกตั้งนายก อบจ.อุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2555 นายชัยศิริ ศุภรักษ์จินดา ที่ได้ลงสมัครนายก อบจ.อุตรดิตถ์ด้วย ประกาศนโยบายหาเสียงไว้กับชาว จ.อุตรดิตถ์ว่า จะสนับสนุนงบประมาณตำบลละ 1,000,000 บาท หมู่บ้านละ 100,000 บาท และโรงเรียนละ 10,000 บาท และย้ำว่านโยบายดังกล่าวสามารถดำเนินการได้จริง และจะเร่งทำเป็นนโยบายต้นๆ ในหลายนโยบายที่หาเสียงไว้
หลังการใช้นโยบายดังกล่าวหาเสียงเลือกตั้งทำให้ประชาชนเทคะแนนเสียงให้จนสามารถกลับเข้ามาทำหน้าที่นายก อบจ.อุตรดิตถ์อีกครั้ง
นายธนพลกล่าวว่า แต่มาถึงวันนี้ เหลืออีก 2 เดือนก็จะครบ 2 ปีของการรับตำแหน่งนายก อบจ.อุตรดิตถ์ของนายชัยศิริ นโยบายดังกล่าวก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด เพราะยังไม่มีตำบลไหนได้รับเงิน 1 ล้านบาท ยังไม่มีหมู่บ้านใดได้รับเงิน 1 แสนบาท และยังไม่มีแม้แต่โรงเรียนเดียวที่ได้รับเงิน 1 หมื่นบาทตามนโยบายนี้เลย
ดังนั้น นายชัยศิริ และผู้บริหารควรเร่งดำเนินการตามที่ได้ประกาศไว้ เพราะนโยบายประกาศออกมาแล้วต้องสามารถทำได้จริง ไม่ใช่ประกาศหรือเขียนนโยบายออกมาเพียงเพื่อต้องการคะแนนเสียง หรือต้องการเพียงแค่เอาชนะคู่แข่งอย่างเดียว เพราะทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน และทุกโรงเรียน ยังรอการสนับสนุนงบประมาณจาก อบจ.อุตรดิตถ์ เพื่อขับเคลื่อนงานในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน และส่วนรวม เนื่องจากหลายแห่งมีแผนงานรองรับไว้แล้ว หากได้รับเงินมาก็สามารถดำเนินการได้ทันที
“ได้มีการร้องเรียนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อุตรดิตถ์ว่านโยบายนี้จะดำเนินการได้หรือไม่ มีการสอบสวนปลัด อบจ. และผู้อำนวยการกองแผนงานและงบประมาณ อบจ. แต่กลับมีการยกคำร้อง มาวันนี้สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นโยบายตำบลละ 1 ล้านบาท หมู่บ้านละ 1 แสนบาท และโรงเรียนละ 1 หมื่นบาท สามารถทำได้จริงหรือไม่ เพราะผ่านไปแล้ว 2 ปีก็ยังไม่เกิดขึ้นเลย”
นายธนพลกล่าวด้วยว่า อยากจะฝากถามไปยัง กกต.ว่า การที่ กกต.ได้ยกคำร้องไปนั้นย่อมหมายความว่าจะต้องทำได้จริง แต่วันนี้นโยบายนี้ทำได้จริงหรือไม่ และทำหรือยัง และหากเป็นเช่นนี้ กกต.ก็ไม่ควรยกคำร้อง เพราะหากไม่สามารถทำได้ ต่อไปนักการเมืองก็จะประกาศนโยบายหาเสียงแบบเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ หวังให้ชนะคู่แข่งอย่างเดียวเท่านั้น