พระนครศรีอยุธยา - บริษัท กัลฟ์ฯ เปิดเวทีรับความคิดเห็นผุดโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบ้านโพ โรงไฟฟ้าบ้านเลน และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติไปยังโรงไฟฟ้าบ้านโพ และบ้านเลน ครั้งที่ 2 ในพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ขณะที่ชาวบ้านหวั่นเป็นเหมือนแม่เมาะ
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่ห้องประชุม ชั้น 4 ของเทศบาลตำบลบางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา นายประเสริฐ นาคนิคาม ผู้จัดการส่วนชุมชนสัมพันธ์ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด นายถาวร พลเดช สาธารณสุขอำเภอบางปะอิน นายมนตรี ยมนา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางปะอิน ได้ร่วมกันจัดประชุมเพื่อรับความคิดเห็นจากชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ที่จะมีการก่อสร้างโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบ้านโพ โรงไฟฟ้าบ้านเลน และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติไปยังโรงไฟฟ้าบ้านโพ และโรงไฟฟ้าบ้านเลน ของบริษัท กัลฟ์ บีพี จำกัด และบริษัท กัลฟ์ บีแอล จำกัด โดยมีชาวบ้าน ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประมาณ 100 คน เข้าร่วมรับฟัง และเสนอแนะเกี่ยวกับประโยชน์ และผลกระทบของชาวบ้านในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า
นายประเสริฐ กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าบ้านโพ ของบริษัท กัลฟ์ บีพี จำกัด และโรงไฟฟ้าบ้านเลน ของบริษัท กัลฟ์ บีแอล จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน มีเนื้อที่ประมาณ 24 ไร่ 11 งาน ออกแบบให้ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก โดยไม่มีเชื้อเพลิงสำรอง ซึ่งโครงการจะรับก๊าซธรรมชาติจากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จากระบบท่อก๊าซธรรมชาติบนบก นครสวรรค์ ที่ผ่านหน้านิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ห่างจากพื้นที่โครงการโรงไฟฟ้าบ้านโพ และโครงการโรงไฟฟ้าบ้านเลน ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 1.7 และ 3.4 กิโลเมตร ตามลำดับ ที่มีแรงดันก๊าซธรรมชาติที่จุดรับส่งก๊าซไม่ต่ำกว่า 450 psig ที่อุณหภูมิ 140 องศาฟาเรนไฮต์
อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงรายละเอียดในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า และท่อส่งก๊าซ ซึ่งประชาชนได้รับผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลกระทบ แต่มีชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งตั้งคำถามว่า หากการก่อสร้างก่อเกิดปัญหาให้แก่ชาวบ้านแล้วได้รับผลกระทบ ชาวบ้านจะต้องมีการฟ้องร้องต่อโรงไฟฟ้า จะเหมือนกับโรงคดีไฟฟ้าแม่เมาะหรือไม่ ซึ่งชาวบ้านต้องใช้เงินจำนวนมากที่ต้องต่อสู้คดี จนถึงขั้นศาลอุทธรณ์แล้วโรงไฟฟ้าจะยอมชดใช้ หรือยอมโอนอ่อนให้แก่ชาวบ้านหรือไม่หากมีมติให้ก่อสร้าง
ทางเจ้าหน้าที่จึงอธิบายว่าเราจะต้องชี้แจง และแก้ไขในข้อเท็จจริงว่าผลกระทบและปัญหานั้นเกิดจากโรงไฟฟ้าหรือไม่ ซึ่งทางโรงไฟฟ้าต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ได้ว่า ถ้าปัญหาเกิดขึ้นจากโรงไฟฟ้าจริง ทางโรงไฟฟ้ายินดีชดใช้ และดูแลชาวบ้านอย่างแน่นอน
