พิษณุโลก - กลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมพูบุกหน้าศาลากลางตามนัด 16 พ.ค.ทุกปี ทวงถามคดีฆ่าแกนนำโรงโม่หินมาราธอน 13 ปี ผู้ว่าฯ-รองผู้การบอกคืบหน้าแล้ว มือปืนมีหมายจับ ค่าหัว 1 แสน
วันนี้ (16 พ.ค.) นายโม คำคูณ ประธานเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมพู พร้อมชาวบ้าน ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ประมาณ 100 คน เดินทางมาที่หน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เพื่อพบกับนายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัด ทวงถามความคืบหน้าคดีฆ่านายพิทักษ์ โตนวุธ หรือโจ แกนนำต่อต้านโรงโม่หิน ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2544 แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมาถึง 13 ปีก็ยังไม่สามารถจับกุมมือปืนได้
โดยกลุ่มเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมพูได้ยื่นข้อเรียกร้องให้ 4 ข้อ คือ 1. ให้ติดตามจับกุมผู้กระทำผิดคดีสังหารนายพิทักษ์ โตนวุธ 2. ให้ตรวจสอบโรงโม่ที่ยังนำเครื่องจักรเข้าไปปรับพื้นที่ ทั้งที่ยกเลิกสัมปทานไปแล้ว 3. ให้ยกเลิกการดำเนินการสร้างเขื่อนชมพู และแผนจัดการน้ำ 5.5 แสนล้าน 4. สร้างความเข้าใจและผลักดันพื้นที่คุ้มครองทางสิ่งแวดล้อมตามส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
ด้านนายระพี และ พ.ต.อ.นิคม สถาพร รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก ชี้แจงว่า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และคนชี้เป้าถูกส่งฟ้องศาลแล้ว แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง เหลือเพียงมือปืน คือ นายสุริยะ ขุนอุดร ตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ จ 64/2545 โดย สตช.ขึ้นบัญชีเป็น 1 ใน 70 มือปืนตามปฏิทินหมายจับทั่วประเทศ มีค่าหัว 100,000 บาท ซึ่งกำลังติดตามจับกุม
พร้อมกันนั้น นายระพียังสั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับลูกสาวของนายพิทักษ์ โตนวุธ อายุ 13 ปี ที่กำพร้าพ่อตั้งแต่แรกเกิด และมาทวงถามคดีของพ่อที่ถูกสังหารร่วมกับกลุ่มชาวบ้าน โดยจะช่วยเหลือทุนการศึกษาต่อไป
ส่วนข้อเรียกร้องที่เหลืออีก 3 ข้อ ทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงให้กลุ่มชาวบ้านทราบจนเป็นที่พอใจ จึงแยกย้ายกันกลับ