ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมืองพัทยาสามารถรื้อสิ่งรุกล้ำคลองสาธารณะเขตพัทยาใต้ ในช่วง 9 วันได้กว่า 60% เผยหลังจากนี้จะเร่งปักหมุดแนวเขตป้องกันปัญหาซ้ำซ้อน ขณะที่ผู้รุกล้ำส่วนที่เหลือเตรียมมอบนิติกรส่งเรื่องฟ้องศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าแผนปฏิบัติการี้อถอนสิ่งก่อสร้างกีดขวางแนวเขตคลองพัทยาใต้ ที่เมืองพัทยาได้ร่วมกับอำเภอบางละมุงและองค์กรภาคธุรกิจบูรณาการกำลังร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง หลังปล่อยให้ปัญหาดังกล่าวเรื้อรังมานานและส่งผลกระทบต่อสภาพปัญหาน้ำท่วมขังในเมืองพัทยาเป็นเวลานาน
วันนี้ (2 พ.ค.) ถือเป็นวันที่ 9 ของการปฏิบัติงาน ในส่วนของเมืองพัทยาภายใต้การนำของนายสมภพ วันดี ผู้อำนวยการส่วนจัดการคุณภาพน้ำ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ คนงานพร้อมเครื่องจักรกล ประกอบด้วย รถแบ็กโฮ และรถบรรทุกเข้าทำการรื้อถอนกำแพงรั้วและตอม่อที่กีดขวางแนวเขตคลองพัทยาใต้ บริเวณลานจอดรถบันจี้จัมป์ ตรงข้ามอาคารจอดรถแหลมบาลีฮาย ที่มีการก่อสร้างขวางแนวคลองในระยะความยาวกว่า 20 เมตร
ที่ผ่านมากำแพงดังกล่าวมีการตั้งฐานตอม่อขนาดใหญ่ขวางกลางแนวคลอง ทำให้เศษวัสดุและตะกอนดินเข้าไปติดค้าจนน้ำไหลผ่านไม่สะดวก และการนำกำลังเข้ารื้อถอนพร้อมลอกสิ่งปฏิกูล ตลอดแนวคลองในครั้งนี้จะทำให้ปัญหาตื้นเขินกลับมีการระบายน้ำที่คลองตัวขึ้น
นายสมภพเผยว่า โครงการดังกล่าวดำเนินการมาเป็นวันที่ 9 แล้ว ที่ผ่านมามีการรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแนวคลองไปแล้วจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการขุดลอกสิ่งปฏิกูลและตะกอนดินในแนวคลองที่ทำให้เกิดความตื้นเขินออกจนหมด ซึ่งคาดว่าผลจากการปฏิบัติงานจะสามารถรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ลุกล้ำได้กว่า 60%
ขณะที่แนวคลองก็มีความคล่องตัวแล้วกว่า 80% และในวันนี้ถือว่าจะเป็นวันสุดท้ายที่เมืองพัทยาจะเข้าทำการขุดลอก เนื่องจากได้ดำเนินการมาจนได้ความยาวตลอดแนวคลองจนถึงประตูระบายน้ำบริเวณแหลมบาลีฮายแล้ว
“จากนี้เมืองพัทยาจะทำการรังวัดปักหมุดแนวเขตคลองใหม่ เพื่อกำหนดแนวการรื้อถอนอาคารในส่วนที่ยังรุกล้ำ พบว่ายังมีอีกหลายรายโดยเฉพาะอาคารขนาดใหญ่ เช่น บ้านพักบริเวณปากคลอง อาคารพลาซ่าขนาดใหญ่ เกาะกลางน้ำ รวมทั้งแนวคันดินที่ลุกล้ำบริเวณสถานประกอบการโรงแรมช่วงปลายคลอง และอาคารร้านอาหารบริเวณท่าเรือพัทยาใต้ ผู้รุกล้ำบางรายแจ้งความจำนงว่าจะแก้ไขเอง ส่วนรายที่ยังนิ่งเฉยจะได้มอบหมายให้สำนักการช่างส่งเรื่องให้รื้อถอนหรือฟ้องร้องต่อศาลเพื่อดึงแนวเขตคลองกลับมาเป็นที่สาธารณะต่อไป” นายสมภพกล่าว
