ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านเมืองแปดริ้วออกมาแฉอีก หลังบ่อดินมรณะพังถล่มทับคนตาย ระบุในพื้นที่ยังมีอีกหลายบ่อที่เกิดการถล่มในลักษณะเดียวกัน จนทำลายที่นาของชาวบ้านข้างเคียง แต่เนื่องจากนายทุนเป็นผู้มีอิทธิพลทำให้ชาวบ้านไม่กล้าร้องเรียน พร้อมเรียกร้องหน่วยงานเกี่ยวข้องหยุดการออกใบอนุญาตให้มีการทำบ่อดินในพื้นที่
เมื่อเวลา 07.30 น.วันนี้ (2 พ.ค.) นายลอเด๊าะ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลคลองเปรง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้นำผู้สื่อข่าวลงสำรวจความเสียหายของบ่อดินกลางท้องนาที่พังถล่มลงมาทับคนงานเสียชีวิต พร้อมฝังเครื่องจักรกลงานหนักจมลงสู่ก้นบ่อมากถึง 9 คัน เหตุเกิดเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา พร้อมบอกว่าบ่อดินในลักษณะดังกล่าวยังมีอีกมากในพื้นที่ตำบลคลองเปรง และตำบลคลองอุดมชลจร โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่ 3 อีกทั้งยังเคยมีบ่อดินพังถล่มในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีคนตาย หรือถูกดินฝังกลบทับร่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด จึงทำให้ไม่มีใครสนใจ อีกทั้งนายทุนในบ่อดินต่างๆ ยังมีทุนหนาและมีอิทธิพลจึงสามารถเคลียร์ปัญหาและขอซื้อที่ดินในแปลงนาของชาวบ้านที่พังเสียหายได้อย่างง่ายดาย และสามารถเปิดปากบ่อขุดดินขายต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ในขณะนี้มีบ่อที่ถูกขุดดินไปขายแล้วในพื้นที่รวมกว่า 300 ไร่
“ส่วนใหญ่เจ้าของที่นาข้างเคียงไม่มีใครอยากขายให้นายทุน แต่ก็ต้องจำใจ เพราะว่าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะเป็นแค่เพียงชาวบ้านธรรมดา ขณะเดียวกันที่นาที่อยู่ติดกับบ่อดินก็ยังมีอันตรายมาก และพร้อมที่จะพังถล่มได้ทุกเมื่อ หากเก็บไว้ก็คงมีแต่ความเสี่ยง” นายลอเด๊าะกล่าว
เช่นเดียวกับนายราตรี ใยมณี อายุ 55 ปี ชาวตำบลคลองเปรงซึ่งเดินทางมาดูบ่อดินที่พังถล่มและ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทำให้ชาวบ้านรู้สึกหวาดกลัวต่อสภาพผิวดินในท้องนาที่อยู่ติดกัน และหวั่นเกรงว่าจะเกิดอันตรายหากชาวบ้านนำรถไถใหญ่เข้ามาไถหว่านปลูกข้าว หรือสูบน้ำเติมเข้าสู่แปลงนา ดินที่ชาวนากำลังจะทำนาอยู่อาจพังถล่มตามลงไปได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล หรือหยุดการอนุญาตให้มีการทำบ่อดินในพื้นที่
เมื่อเวลา 07.30 น.วันนี้ (2 พ.ค.) นายลอเด๊าะ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลคลองเปรง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้นำผู้สื่อข่าวลงสำรวจความเสียหายของบ่อดินกลางท้องนาที่พังถล่มลงมาทับคนงานเสียชีวิต พร้อมฝังเครื่องจักรกลงานหนักจมลงสู่ก้นบ่อมากถึง 9 คัน เหตุเกิดเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา พร้อมบอกว่าบ่อดินในลักษณะดังกล่าวยังมีอีกมากในพื้นที่ตำบลคลองเปรง และตำบลคลองอุดมชลจร โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่ 3 อีกทั้งยังเคยมีบ่อดินพังถล่มในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีคนตาย หรือถูกดินฝังกลบทับร่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด จึงทำให้ไม่มีใครสนใจ อีกทั้งนายทุนในบ่อดินต่างๆ ยังมีทุนหนาและมีอิทธิพลจึงสามารถเคลียร์ปัญหาและขอซื้อที่ดินในแปลงนาของชาวบ้านที่พังเสียหายได้อย่างง่ายดาย และสามารถเปิดปากบ่อขุดดินขายต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ในขณะนี้มีบ่อที่ถูกขุดดินไปขายแล้วในพื้นที่รวมกว่า 300 ไร่
“ส่วนใหญ่เจ้าของที่นาข้างเคียงไม่มีใครอยากขายให้นายทุน แต่ก็ต้องจำใจ เพราะว่าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะเป็นแค่เพียงชาวบ้านธรรมดา ขณะเดียวกันที่นาที่อยู่ติดกับบ่อดินก็ยังมีอันตรายมาก และพร้อมที่จะพังถล่มได้ทุกเมื่อ หากเก็บไว้ก็คงมีแต่ความเสี่ยง” นายลอเด๊าะกล่าว
เช่นเดียวกับนายราตรี ใยมณี อายุ 55 ปี ชาวตำบลคลองเปรงซึ่งเดินทางมาดูบ่อดินที่พังถล่มและ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทำให้ชาวบ้านรู้สึกหวาดกลัวต่อสภาพผิวดินในท้องนาที่อยู่ติดกัน และหวั่นเกรงว่าจะเกิดอันตรายหากชาวบ้านนำรถไถใหญ่เข้ามาไถหว่านปลูกข้าว หรือสูบน้ำเติมเข้าสู่แปลงนา ดินที่ชาวนากำลังจะทำนาอยู่อาจพังถล่มตามลงไปได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล หรือหยุดการอนุญาตให้มีการทำบ่อดินในพื้นที่
