อุตรดิตถ์ - เวที นปช.17 จว.ภาคเหนือที่อุตรดิตถ์ป่วน หลังพายุฝนลมแรงพัดถล่มขณะ “ตู่-จตุพร” ปราศรัย เต็นท์ปลิว-เสาไฟหลอดนีออนล้มใส่หัวคนเสื้อแดงแตกเลือดอาบ ต้องหามส่ง รพ. แถมคนร่วมเวทีต้องวิ่งหลบฝน-หนีกลับบ้านกันวุ่น
วันนี้ (1 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดเวที นปช.17 จังหวัดภาคเหนือที่สนามกีฬาหมอนไม้ จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งมีนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาร่วมด้วยตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ (30 เม.ย.) ว่า ช่วงแรก นปช.จังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาร่วมเวทีประมาณ 3,000 คน โดยมีนายรักชาติ ศิริชัย นักร้องลูกทุ่ง, ไพจิตร อักษรณรงค์ รวมถึงเป๋ คลองเตย ขึ้นแสดง และปราศรัยบนเวที
ต่อมานายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.พร้อมด้วยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาฯ นปช.พร้อมแกนนำคนสำคัญเดินทางมาถึง และขึ้นปราศรัยบนเวทีว่า เดิม นปช.จะชุมนุมครั้งใหญ่ที่ถนนอักษะในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศชุมนุมใหญ่วันที่ 5 พฤษภาคม เพื่อดึงมวลชนเสื้อแดงไม่ให้ไปชุมนุมกับ นปช.ที่ถนนอักษะ
ดังนั้น นปช.จึงเลื่อนวันชุมนุมจากวันที่ 6 พฤษภาคมมาเป็นวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ เพื่อต้องการประกาศให้นายสุเทพทราบว่า สิ่งที่นายสุเทพประกาศนั้นจะไม่สามารถทำอย่างที่ประกาศได้ โดยเฉพาะเลื่อนการเลือกตั้งจากวันที่ 20 กรกฎาคมออกไป
นายจตุพร ระบุด้วยว่า อีกอย่างที่สำคัญที่ นปช.ต่อสู้ในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้คือ การต่อสู้กับองค์กรอิสระ โดยเฉพาะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองคือ การจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม พร้อมทั้งจะเชิญชวนพี่น้อง นปช.และคนเสื้อแดง ให้เปลี่ยนแปลงประเทศไทยจากระบบเผด็จการให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
“สิ่งที่นายสุเทพเรียกร้องนายกรัฐมนตรี ม.7 จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าตราบใดยังมีคนเสื้อแดงอยู่ และจะย้ำอีกครั้งว่าการชุมนุมวันที่ 5 พฤษภาคมจะไม่มีการเผชิญหน้าระหว่าง นปช.กับ กปปส.อย่างแน่นอน เพราะมีการชุมนุมคนละฝั่งของกรุงเทพฯ” นายจตุพรกล่าว
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่นายจตุพรกำลังปราศรัยอยู่นั้น ได้เกิดพายุฝนลมแรงเป็นระยะ ส่งผลทำให้เต็นท์อาหารที่เตรียมไว้ล้มลง ประชาชนที่ฟังการปราศรัยบางส่วนต้องวิ่งหลบฝน นอกจากนี้ กระแสลมยังพัดแรงทำให้เสาหลอดไฟนีออนประดับสนามที่บริเวณทางเข้าสนามกีฬาฯ ล้มลงใส่ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บศีรษะแตกต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ และมีประชาชนบางส่วนเดินทางกลับบ้าน ทำให้มีประชาชนเหลือฟังการปราศรัยอยู่ราว 1,000 คนเท่านั้น
