กาญจนบุรี - กำนันตำบลปรังเผล มั่นใจถ้า “อดีตพระยันตระ” กลับมาอยู่สำนักป่าสุญญตาราม จะทำให้ตำบลปรังเผลกลับมาคึกคักเหมือนเดิม เชื่อศิษย์อดีตพระยันตระ 70 เปอร์เซ็นต์ยังศรัทธาในคำสอน และชาวบ้านในตำบลปรังเผล ยังรอการกลับมาของ “ยันตระ” พร้อมเผยในอดีตยันตระเคยมีแผนที่จะสร้าง รพ.ให้ชาวปรังเผล แต่ก็ต้องยกเลิก หลังต้องหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศกว่า 20 ปี
วันนี้ (27 เม.ย.) นายนิยม กลิ่นมณฑา อายุ 55 ปี กำนันตำบลปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตนรู้จักอดีตพระยันตระ มาตั้งแต่ปี 2527 ขณะนั้น พระยันตระ มีชื่อเสียงโด่งดัง มีลูกศิษย์ลูกหาจากทั่วประเทศเดินทางมาที่สำนักป่าสุญญตาราม หมู่ 4 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กันอย่างล้นหลาม ทำให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีรายได้จากการค้าขายมากขึ้น บรรยากาศคึกคักทุกวัน โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ สำนักป่าสุญญตาราม ของพระยันตระ อมโรภิกขุ ในขณะนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่มานั่งวิปัสสนากรรมฐาน และรับฟังคำสั่งสอนของพระยันตระ ไปด้วย โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้นำลำโพงไปติดไว้บนต้นไม้กระจายไปทั่วบริเวณภายในมีต้นไม้น้อยใหญ่ รวมทั้งสายน้ำตกเกริงกาเวีย บรรยากาศร่มเย็น ทำให้ทุกคนเกิดความสบายใจ
แต่หลังจากที่พระยันตระ ต้องระหกระเหินหนีคดีความไปอยู่ที่ต่างประเทศ ในพื้นที่ ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงก็เริ่มเงียบเหงาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สำหรับลูกศิษย์ของอดีตพระยันตระ ที่เคยศรัทธาในคำสั่งสอน ตนเชื่อว่าถึงแม้จะมีลูกศิษย์หมดความศรัทธาไปบ้าง แต่ตนเชื่อว่ายังคงมีลูกศิษย์ของอดีตพระยันตระ ที่ยังคงมีความศรัทธาในคำสั่งสอนอยู่ถึง 70 เปอร์เซ็นต์
“และเชื่อว่าหากอดีตพระยันตระ กลับมาอยู่ที่สำนักป่าสุญญตาราม ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จะมีผู้คนเดินทางมาเป็นจำนวนมาก และจะทำให้พื้นที่ตำบลปรังเผล กลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง ผมเชื่ออย่างนั้น” นายนิยม กล่าว
นายนิยม กลิ่นมณฑา กล่าวต่อว่า แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่อดีตพระยันตระ เดินทางกลับเข้ามายังประเทศไทย และไปพักอาศัยที่บ้านเกิด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จากการติดตามข่าวสารก็ยังพบว่า มีลูกศิษย์เดินทางไปกราบไหว้ท่านเป็นจำนวนมากเหมือนเดิม ถึงแม้จะไม่ได้บวชเป็นพระแล้วก็ตาม ตนเชื่อว่าเป็นเพราะคำสั่งสอนของท่านที่ดีในอดีต
นายนิยม กลิ่นมณฑา เปิดเผยอีกว่า ประมาณปี พ.ศ.2527 ถึง 2528 พระยันตระ ได้เล็งเห็นความลำบากของชาวบ้านในพื้นที่ ต.ปรังเผล เนื่องจากขณะนั้นเส้นทางการเดินทางลำบาก รถราไม่ค่อยมี ต่างจากสมัยนี้เป็นอย่างมาก สมัยนั้นหากชาวบ้านรายใดเจ็บป่วย หรือเป็นไข้จะต้องเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลในตัวอำเภอสังขละบุรี หรือไม่ก็ไปรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค หรือที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหาเสนา ในตัว จ.กาญจนบุรี ชาวบ้านบางรายเสียชีวิตระหว่างทาง
“พระยันตระ ได้บอกแก่ผม และชาวบ้านว่าจะสร้างโรงพยาบาลให้แก่ชาวตำบลปรังเผล หลังจากทุกคนทราบข่าวต่างรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เพราะหากมีโรงพยาบาลก็จะทำให้ชาวบ้านได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และประมาณปี 2529 พระยันตระ พร้อมกับชาวบ้านกำลังหาพื้นที่เพื่อก่อสร้างโรงพยาบาล แต่สุดท้ายโรงพยาบาลก็ไม่ได้สร้างเพราะมาเกิดคดีความต่างๆ ขึ้นเสียก่อน จนท่านต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศนานเกือบ 20 ปี ยอมรับว่าชาวบ้านทุกคนเสียใจ และเสียดายเป็นอย่างมาก ชาวบ้านทุกคนหวังว่าสักวันหนึ่งพระยันตระจะเดินทางกลับมาอยู่ที่สำนักป่าสุญญตารามตามเดิม” นายนิยม กำนันตำบลปรังเผลกล่าว
