xs
xsm
sm
md
lg

แจ้งจับ “ยันตระ” แต่งกายคล้ายพระ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ชาวบ้านแจ้งกองปราบฯ จับ “ยันตระ” แต่งกายเลียบแบบพระสงฆ์ ลั่นไม่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างเพราะถือว่าปาราชิกไปแล้ว ทำแบบนี้ไม่เหมมาะสม เผยประวัติผู้แจ้งเคยแจ้งจับ “ยันตระ” มาแล้วเมื่อปี 38 เสพเมถุนหญิงจนตั้งครรภ์



วันนี้ (25 เม.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. นายประจิณ ฐานังกรณ์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 338 /118 ซอยร่มเกล้า 16 แขวงและเขตมีนบุรี กทม.เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.คมกฤช สังข์ทอง พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อ นายวินัย ละอองสุวรรณ หรืออดีตพระยันตระ อมโรภิกขุ ในความผิดฐานแต่งกายเลียนแบบพระภิกษุ สามเณร หรือนักบวชในศาสนาโดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 โดยนำภาพข่าว และเอกสารที่เกี่ยวข้องมอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี

นายประจิณกล่าวว่า เหตุที่เข้าแจ้งความในครั้งนี้เนื่องจากทนไม่ได้ต่อพฤติกรรมของอดีตพระยันตระที่เดินทางกลับประเทศไทยอีกครั้ง ภายหลังหลบหนีคดีความต่างๆ เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว โดยไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศจนคดีขาดอายุความ แต่กลับยังแต่งกายด้วยผ้าที่คล้ายจีวรพระสงฆ์ห่มตัวไว้โดยไว้ผมหนวดเครายาว เข้าไปพักอาศัยที่ภูมิลำเนาเดิมใน ต.ปากพนังตะวันออก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การแต่งกายแบบนี้จะให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่าอดีตพระยันตระต้องการให้ผู้อื่นเข้าใจว่ายังเป็นพระสงฆ์ ทั้งที่ความจริงได้ปาราชิกไปแล้ว

นายประจิณกล่าวต่อว่า ไม่ได้รู้จักกับอดีตพระยันตระเป็นการส่วนตัว แต่เห็นการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ทำให้เกิดการลอกเลียนแบบขึ้นได้ ตนไม่ได้รังเกียจอดีตพระยันตระ ในเมื่อคดีความที่เคยถูกกล่าวหาไว้ก่อนหน้านั้นได้ขาดอายุความไปหมดแล้วก็สามารถเข้าประเทศได้ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง หากแต่งกายเป็นฆราวาสก็คงไม่เป็นไร แต่เมื่อทำแบบนี้ตนก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้อื่น

ด้าน พ.ต.ท.คมกฤชกล่าวว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ ก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

สำหรับนายประจิณนั้น ในอดีตเมื่อปี 2538 ได้เคยเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่ออดีตพระยันตระมาแล้วครึ่งหนึ่งในความผิดข้อหาเดียวกัน โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นสืบเนื่องจากอดีตพระยันตระถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์กับหญิงสาว มีการล่อลวงไปเสพเมถุนจนหญิงสาวรายดังกล่าวตั้งครรภ์ และมีบุตรสาว ต่อมาก็ถูกดำเนินคดี แต่อดีตพระยันตระกลับแต่งกายด้วยจีวรที่มีสีเขียวปรากฏภาพที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนหลายแขนงจนเป็นที่ฮือฮา และได้รับฉายาว่า “จิ้งเขียว” หรือ “สมียันดะ” ก่อนจะหลบหนีคดีไปอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา กระทั่งคดีขาดอายุความและเดินทางกลับมาบ้านเกิดดังกล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น