xs
xsm
sm
md
lg

อดีตพระยันตระกลับไทย ควรหรือที่คนไทยจะยังเคารพไหว้?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อดีตพระยันตระกลับไทย วงการสงฆ์สะเทือน บอกคนแบบนี้ไม่สมควรเคารพ เหตุเสพเมถุน ผิดวินัยข้อร้ายแรงจนเป็นเหตุให้ปาราชิก แนะนำพุทธศาสนิกชนอย่าไปยึดติดผลประโยชน์หรือหวังโชคลาภ จนลืมหลักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา

กลายเป็นข่าวคราวอีกครั้ง หลังจาก “อดีตพระยันตระ อมโรภิกขุ” หรือ “นายวินัย ละอองสุวรรณ” ที่ต้องอาบัติปาราชิกเพราะเสพเมถุน และได้หลบหนีคดีต่างๆ โดยเฉพาะคดีที่ก้าวล่วงองค์สมเด็จพระสังฆราชไปอยู่ประเทศอเมริกากว่า 20 ปี จนกระทั่งคดีหมดอายุความ เขาจึงได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยอีกครั้งแบบเงียบๆ ที่บ้านเกิดของตนเองในบ้านบางบ่อ อำเภอปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตามข่าวบอกว่านายวินัยปรากฏกายด้วยรูปลักษณ์อ้วนท้วมสมบูรณ์ แต่งกายผ้าคล้ายจีวรที่มีทั้งสีกลัก และสีเขียว ทับเสื้อแขนยาว ผมยาวสีขาวผูกรวบไว้หนวดเคราขาวยาวเฟิ้ม

โดยนายวินัยได้เดินทางไปเยี่ยมพ่อท่านเชื่อง เจ้าอาวาสวัดรัตนาราม หรือวัดบางบ่อ ที่อ.ปากพนัง ซึ่งเป็นอดีตพระอุปัชฌาจารย์ของนายวินัยเมื่อครั้งอุปสมบท และระหว่างที่เขาพำนักอยู่ที่บ้านเกิดของตนเองนี่เอง ปรากฎยังมีผู้เคารพนับถือมาเยี่ยมเยียน และถูกเชิญไปยังสถานที่ต่างๆ หลายจังหวัดในภาคใต้

เรื่องนี้ “ท่านเจ้าคุณพระประสิทธิสุตคุณ” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม หรือหัวหน้าพระวินยาธิการส่วนกลาง ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่อดีตพระยันตระเดินทางกลับไทยว่า

“อาตมาคงไม่พูดถึงเรื่องคดีอาญาของเขา เพราะเป็นคดีทางโลก ส่วนทางศาสนา ต้องดูบทบาทว่าเขามาเพื่อจะทำอะไร เช่น สร้างลัทธิหรือสร้างคณะสงฆ์อะไรหรือเปล่า เขาอาจจะมาอยู่แบบสันติอโศกหรือตั้งเป็นคณะสงฆ์ ไม่ขึ้นกับใครก็ได้ ตอนที่อดีตพระยันตระหรือนายวินัยแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ คณะสงฆ์ก็มีมติไม่ให้เขาห่มผ้าสีที่คล้ายพระสงฆ์แล้ว ตอนนี้เห็นเขาห่มผ้าคล้ายสีเขียวๆ ซึ่งทางคณะสงฆ์คงรับไม่ได้หรอกที่เป็นแบบนี้ แต่งตัวก็ไม่เป็นพระ แล้วยังดูคล้ายพระสงฆ์ มีหนวดเครา คือถ้าคุณทำผิดแล้ว ยังไงคณะสงฆ์ก็รับไม่ได้

“ถ้าเขาไปเป็นฤาษีหรือสร้างลัทธิอะไร ก็เป็นสิทธิ์เขา เพราะเราขับเขาออกไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม คณะสงฆ์เราก็ไม่ยอมรับอยู่ดี เพราะเขาไม่ได้อยู่ในพระธรรมวินัยของเรา อย่างสันติอโศกก็ไม่ได้อยู่ในคณะสงฆ์ของเรา แต่ก็มีคำสอนของเขาอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเราก็ไม่ได้ว่า เพราะถือว่าไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แต่กรณีอดีตพระยันตระ เขาทำเสื่อมเสียและถูกขับออกไปแล้ว จึงต่างจากกรณีสันติอโศก

“ตอนนี้อดีตพระยันตระสละสมณเพศแล้ว แม้อาจจะยังถือศีลอยู่ แต่ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระ เพราะเขาทำผิดกฎบัญญัติคือเสพเมถุน ทำให้ต้องปาราชิก ยังไงก็เป็นพระไม่ได้ ปกติสาเหตุที่ทำให้พระสงฆ์ต้องปาราชิกมีอยู่ 4 ข้อด้วยกัน คือ 1.เสพเมถุน คือ ล่วงละเมิดทางประเวณี 2.ฉ้อโกงวัด เอาเงินวัดมาเกินกว่ากำหนด ก็เป็นปาราชิก 3. มีส่วนพัวพันในการฆ่าคน 4.โอ้อวดคุณวิเศษ แสดงตนพิเศษ เช่น บอกว่าสามารถบรรลุมรรคผลนิพาน แต่ข้อที่เสื่อมเสียที่สุดในคณะสงฆ์คือ ข้อแรก การเสพเมถุน “

ส่วนประเด็นที่ยังมีลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพอดีตพระยันตระ ทั้งที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมในทางพระพุทธศาสนานั้น ท่านเจ้าคุณพระประสิทธิสุตคุณบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

“มันไม่เหมาะสม คือ เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ชาวพุทธไม่เข้าใจหลักที่แท้จริงของคำสอน เราจะเห็นว่าทุกวันนี้คนไปเลื่อมใสฤาษีบ้าง ฤาษีผู้หญิงบ้าง พระนอกรีตบ้าง อาจจะเพราะรู้สึกว่าคนคนนั้นให้สิ่งที่เขาต้องการได้ เช่น ให้โชคลาภ หรือให้ผลประโยชน์บางอย่างได้ ชาวพุทธยังไม่เข้าใจคำสอนแก่นแท้ว่าพระพุทธเจ้าสอนให้ละ คนเลยไปยึดถือว่าเขาให้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้

“การที่เราจะเคารพนับถือใคร ต้องดูว่าเขามีศีลหรือมีจริยวัตรดีไหม ดูว่าประวัติท่านเป็นยังไง การที่อดีตพระยันตระกลับมา และเรารู้พฤติกรรมเขาเช่นนั้น เราในฐานะเป็นชาวพุทธ ก็ต้องรู้ว่าไม่สมควรไปเข้าใกล้ ที่ผ่านมาทางวงการสงฆ์ได้ขับเขาออกไปแล้ว เราเคยไปแจ้งความดำเนินคดีว่าเขาแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ก็แสดงว่าเราไม่ยอมรับให้เขาอยู่ในวงการสงฆ์ นอกนั้นเขายังเคยมีคดีอาญาอยู่ด้วย

“ถ้าถามว่าอดีตพระรูปนี้ ถ้าโดนแล้วจะยังอยู่ได้ไหม อาตมาไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่ได้เลยนะ เพราะความลับไม่มีในโลก โดยเฉพาะโลกียะ ไม่วันใดวันหนึ่งก็จะเกิดผลขึ้นมา พอถึงที่สุดความชั่วก็ต้องปรากฏ” ท่านเจ้าคุณพระประสิทธิสุตคุณ กล่าว


เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการ Live



 

 

















กำลังโหลดความคิดเห็น