พระนครศรีอยุธยา - ผบก.พระนครศรีอยุธยา สั่งตำรวจเร่งหาหลักฐาน และเบาะแสไล่ล่าคนร้ายที่งัดตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ ในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ฉกเงิน 1.7 ล้านบาทไปด่วน ชี้คนร้ายมีความชำนาญ และรู้ระบบเตือนภัยของธนาคาร
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารกรุงเทพ ที่ตั้งอยู่ภายในภายในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ต.บางพระครู อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เงินสดไป 1.7 ล้านบาท โดยคนร้ายทิ้งหลักฐานเป็นชะแลง จำนวน 2 อัน ใบหินเจียที่ใช้ตัด และเจาะตู้เอทีเอ็ม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด วันนี้ (23 เม.ย.) พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบพยานหลักฐาน โดยเฉพาะจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ เพื่อหาเบาะแสคนร้ายกลุ่มนี้แล้ว ซึ่งพบว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุมีฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก จึงทำให้การมองเห็นของภาพไม่ชัดเจน และในบางจุดมีกระแสไฟฟ้าดับไม่มีการบันทึกภาพเอาไว้
“ผมได้เน้นย้ำให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียด นอกจากนี้ จากการเก็บลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุสามารถเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายได้บางส่วน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ” พล.ต.ต.สมคิด กล่าว
พล.ต.ต.สมคิด กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนยังให้เจ้าหน้าที่รื้อคดีตรวจสอบประวัติอาชญากรรมย้อนหลังไปถึงคนร้ายที่เคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าวว่า มีใครพ้นโทษออกมาบ้าง หรือไม่อาจจะออกมาก่อเหตุซ้ำอีก
“เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ และมีความชำนาญ และรู้วิธีการป้องกันระบบนิรภัยของตู้เอทีเอ็ม รวมถึงความเคลื่อนไหวในการบรรจุเงินเข้าที่ตู้เอทีเอ็ม ในส่วนนี้ต้องทำการสืบสวนด้วยเพื่อความชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่คนร้ายอาจจะเป็นกลุ่มเดียวกันที่เคยก่อเหตุใช้แก๊สเจาะตู้เซฟของร้านทองซึ่งอยู่ทางเข้านิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ได้ทองคำไปกว่า 500 บาท เหตุเกิดเมื่อปี 2553 ด้วย ซึ่งขณะนี้ยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานสักระยะก่อน เชื่อว่าจะสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้แน่นอน” พล.ต.ต.สมคิด กล่าว