ชุดคลี่คลายคดีระเบิดย่านมีนบุรี พบหลักฐานสำคัญกลุ่มคนร้ายโยงเหตุลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานอัยการและศาลยุติธรรม เนื่องจากวัตุระเบิดใกล้เคียงกัน และเข้ามาเช่าบ้านในช่วงเกิดเหตุพอดี เร่งขยายผลเกี่ยวข้องการเมืองหรือไม่
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนกรณีระเบิดและพบวัตถุระเบิดในพื้นที่มีนบุรี ว่า พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.น.3 ได้มารายงานความคืบหน้า โดยกรณีนี้ได้แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือเหตุระเบิดเกิดขึ้นแล้วมีผู้เสียชีวิต 2 คน ซึ่งจากการพิสูจน์ทราบสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นคนร้ายไปอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุซึ่งอยู่บริเวณดังกล่าว ส่วนที่สองที่เราพบวัตถุระเบิดและเครื่องประกอบวัตถุระเบิดได้จำนวนหนึ่งในบ้านหลังดังกล่าว และมีภาพถ่ายคนที่มาทำสัญญาเช่าซึ่งถือว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในข่ายที่ร่วมกระทำความผิด ส่วนสุดท้ายคือกรณีที่พบรถยนต์ เบื้องต้นได้ภาพซีซีทีวีเป็นข้อมูล เวลานี้มีการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่เป็นคนร้ายในกลุ่มที่มาอาศัยบ้านหลังดังกล่าวมีทั้งหมด 5 คน ที่เพิ่มมาอีก 2 คนนอกเหนือจากภาพที่ได้ เราสามารถเก็บลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุ มาตรวจพิสูจน์พบว่าตรงกับผู้ที่มีประวัติต้องคดี น่าจะเป็นกลุ่มคนร้าย เพราะช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ในบ้านที่มีวัตถุระเบิดและอุปกรณ์ประกอบระเบิด
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้เร่งรัดพิสูจน์ทราบตัวบุคคล ซึ่งจากการสืบสวนคาดว่ามีคนร้าย 10 คน มีผู้หญิงและรถตู้สีขาว ซึ่งเรายังไม่พบเบาะแสรถตู้คันดังกล่าว มีเบาะแสเฉพาะรถจักรยานยนต์ทั้งหมดที่อยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุและที่เกิดเหตุ เบื้องต้น มี 4 คัน เป็นรถที่โจรกรรมมา ตรวจสอบพบวันเวลาที่มีการแจ้งว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวได้ถูกโจรกรรมเป็นเวลาใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังมองประเด็นที่ว่า ช่วง 2 สัปดาห์ ก่อนเกิดเหตุ ตามข้อมูลที่พบว่าคนร้ายเข้าพักอาศัยในบ้านหลังที่พบระบิดเมื่อวันที่ 9 มี.ค.สอดคล้องกับการเกิดเหตุวางระเบิดแสวงเครื่อง หน้าสถาบันพัฒนาข้าราชการตุลาการ และที่หน้าสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งตอนนี้พยานหลักฐานการเชื่อมโยง ได้จากการพิสูจน์ทราบเปรียบเทียบวัตถุระเบิดที่พบในบ้านที่มีนบุรี ซึ่งอุปกรณ์การประกอบคล้ายกับที่วางระเบิดที่สถาบันพัฒนาข้าราชการตุลาการและหน้าสำนักงานอัยการ ก็เป็นข้อสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากแหล่งเดียวกัน ทั้งนี้ การที่ระบุยืนยัน แน่นอนต้องสอบสวนให้ได้แน่ชัดก่อน ส่วนการสอบประวัติความบุคคลโดยละเอียด ว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองทั้งสองกลุ่มหรือไม่อย่างไร ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วยผบ.ตร.ไปตรวจสอบแล้ว ส่วนการออกหมายจับทางพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐานอย่างละเอียดเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีขบวนรถของกลุ่ม คปท.ถูกยิงบนทางด่วนแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้ลงพื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุคนร้ายยิงขบวนรถ คปท.ช่วงขึ้นทางด่วนแจ้งวัฒนะ ระยะทาง 6 กิโลเมตรแล้ว แต่ยังไม่พบหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิด 7 ตัว ในจุดที่คาดว่าจะเป็นจุดยิง โดยช่วงบ่ายวันนี้พนักงานสอบสวนจะไปตรวจรถบัสที่ถูกยิงซึ่งจอดอยู่ในพื้นที่ชุมนุมของ คปท.หาร่องรอยหลักฐานเพื่อหาวิถีกระสุนต่อไป