ชาวไร่ข้าวโพดพะเยาฮือร้องผู้ว่าฯ ถูกเถ้าแก่พืชไร่อมเงินชดเชยผลผลิต

พะเยา - เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดพะเยาร้องผู้ว่าฯ เอาผิดเถ้าแก่รับซื้อข้าวโพด หลังรับเงินชดเชยไปแล้วเบี้ยวไม่ยอมจ่ายให้เกษตรกร

วันนี้ (21 เม.ย.) กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด อ.เมืองพะเยา และ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา กว่า 100 คนได้พากันเดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดพะเยา เพื่อขอให้นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ช่วยเหลือหลังผู้ประกอบการรับซื้อข้าวโพดแห่งหนึ่งใน อ.ดอกคำใต้ ที่เข้าร่วมโครงการตามมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของรัฐบาล รับเงินค่าชดเชยค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงคุณภาพ และบริหารจัดการรับซื้อข้าวโพดกิโลกรัมละ 1.5 บาท จากรัฐบาลไปแล้วแต่ไม่ยอมจ่ายให้เกษตรกร

นายพิสิทธิ์ ละเอียดธำรง แกนนำเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด กล่าวว่า เรามาขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาช่วยเหลือ ซึ่งแบ่งเป็น 2 กรณีด้วยกัน คือ 1. ขอให้ช่วยเหลือกรณีที่ผู้ประกอบการรับซื้อข้าวโพด “แดนชัยพืชไร่” ใน อ.ดอกคำใต้ รับเงินค่าชดเชยค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงคุณภาพ และบริหารจัดการรับซื้อข้าวโพดกิโลกรัมละ 1.5 บาทของเกษตรกรจำนวน 130 ราย ตามมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของรัฐบาล จากพาณิชย์จังหวัดที่โอนไปให้ทั้งสิ้น 2 งวด เงินงวดแรกประมาณ 1.7 ล้านบาท และงวดที่ 2 ประมาณ 3.09 ล้านบาท รวมเกือบ 5 ล้านบาทไปแล้ว แต่ทางผู้ประกอบการกลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายให้เกษตรกร

กรณีที่ 2 คือกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดใน ต.จำป่าหวาย อ.เมืองพะเยา จำนวน 84 ราย ยังไม่ได้รับเงินค่าชดเชยค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงคุณภาพ และบริหารจัดการรับซื้อข้าวโพดกิโลกรัมละ 1.5 บาท ตามมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของรัฐบาลรวมประมาณ 1.5 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้กลุ่มเกษตรกรเคยร้องต่อทางจังหวัดไปแล้ว และทางจังหวัดโดยพาณิชย์จังหวัดได้ทำหนังสือแจ้งไปยังส่วนกลางแล้ว วันนี้จึงมาขอความคืบหน้าว่าเป็นอย่างไร

ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาได้สั่งการให้ น.ส.เฟื่องฟ้า ตุลาธรรมกุล พาณิชย์จังหวัดพะเยา เข้าพบกับแกนนำเกษตรกรเพื่อชี้แจงความคืบหน้า โดยกล่าวกับเกษตรกรว่า กรณีที่ 1 ตามที่ผู้ประกอบการรับเงินไปแล้วและยังไม่จ่ายถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เกษตรกรต้องไปแจ้งความเอาผิดต่อทางตำรวจ ซึ่งเรื่องนี้เคยได้ชี้แจงเกษตรกรไปแล้ว

แต่ทราบว่าเกษตรกรไม่สามารถแจ้งความได้เนื่องจากตำรวจไม่ยอมรับแจ้ง เพราะไม่มั่นใจว่าใครเป็นผู้เสียหาย ระหว่างพาณิชย์จังหวัด กับตัวเกษตรกรเอง

ส่วนกรณีที่เกษตรกรยังไม่ได้รับเงินชดเชยใน ต.จำป่าหวาย จำนวน 84 รายนั้น เป็นลักษณะรายชื่อตกหล่น ทางจังหวัดพะเยาได้ทำหนังสือแจ้งขอรับการจัดสรรโควตาเพิ่มไปยังอธิบดีกรมการค้าภายในแล้วรวม 4 ครั้ง เนื่องจากโควตาที่ได้จัดสรรกว่า 95,000 ตันในวงเงินกว่า 142 ล้านบาทนั้นไม่เพียงพอต่อเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบกับได้สิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินการตามมาตรการฯ ทำให้จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับแจ้งจากส่วนกลางว่าคืบหน้าอย่างไร

ทั้งนี้ มาตรการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของรัฐบาล ซึ่งรับซื้อผลผลิตที่ความชื้น 30% กิโลกรัมละ 7 บาท และความชื้น 14.5% กิโลกรัมละ 9 บาท โดยรัฐบาลกำหนดจ่ายเงินชดเชยให้กิโลกรัมละ 1.50 บาท

หลังจากกลุ่มเกษตรกรได้รับฟังการชี้แจงแล้วได้พากันเดินทางไปที่ สภ.ดอกคำใต้ พร้อมกับพาณิชย์จังหวัด เพื่อเข้าแจ้งความ และให้ปากคำต่อทางเจ้าหน้าที่อีกครั้งเพื่อให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ประกอบการรับซื้อข้าวโพดรายดังกล่าว ก่อนแยกย้ายเดินทางกลับในเวลาต่อมา