ศูนย์ข่าวศรีราชา - “ฉวีวรรณกรุ๊ป” เล็งเพิ่มกำลังการผลิตเนื้อไก่ดิบ และเนื้อไก่ปรุงสุกในปี 57 หลังพบแนวโน้มความต้องการในตลาดต่างประเทศมีเพิ่มสูงขึ้นจากความมั่นใจด้านมาตรฐานการผลิตระดับโลก และความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยจากโรคระบาดในสัตว์ปีก เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดถือเป็นปัจจัยสำคัญในการฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ฟุ้งแม้สถานการณ์การเมืองจะฉุดยอดเติบโตของธุรกิจอื่นๆ แต่ในกลุ่มฉวีวรรณ ยังคงมียอดการขยายตัวทางธุรกิจไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี
นางฉวีวรรณ คำพา ประธานกรรมการบริษัท ฉวีวรรณฟาร์ม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจผลิตเนื้อสัตว์ปีกเพื่อการส่งออกแบบครบวงจรรายใหญ่ของไทย เผยถึงการดำเนินงานของกลุ่มซึ่งมีทั้งฟาร์มเพาะเลี้ยงพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ ฟาร์มเลี้ยงไก่ใหญ่ โรงงานอาหารสัตว์ โรงงานผลิต (โรงฆ่า) และโรงทำอาหารสุก 2 แห่งใน ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่มีมูลค่าการลงทุนไม่น้อยกว่าหมื่นล้านบาทว่า ในปี 2556 ที่ผ่านมา ธุรกิจในเครือฉวีวรรณกรุ๊ป มียอดการเติบโตไม่น้อยกว่า 10% โดยมีกำลังผลิตเนื้อไก่ 1.5 แสนตัวต่อสัปดาห์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในต่างประเทศ
ดังนั้น ในปี 2557 จึงมีแผนขยายกำลังการผลิตให้เพิ่มมากขึ้น หลังได้รับการสนับสนุนเครื่องจักรกลที่ทันสมัยจากกลุ่มคู่ค้าในต่างประเทศ เพื่อช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทในภาวะเศรษฐกิจซบเซา และแบงก์พาณิชย์ของไทยเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจในประเทศ
“ตอนนี้ตลาดส่งออกสำคัญของ ฉวีวรรณกรุ๊ป อยู่ในประเทศแถบยุโรป อังกฤษ ญี่ปุ่น และแอฟริกา ซึ่งถือว่ามียอดคำสั่งซื้อมากเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม ขณะที่ภาพการขยายตัวของตลาดโดยรวมายังมีอยู่สูง จากปัจจัยเรื่องความมั่นใจด้านมาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตที่มีมากกว่าประเทศอื่นๆ ที่สำคัญสภาพอากาศที่ร้อนจัดก็ยังถือเป็นปัจจัยที่ไม่ทำให้เกิดโรคระบาดต่างๆ ในสัตว์ปีกได้ง่าย เพราะความร้อนสามารถฆ่าเชื่อโรคได้เป็นอย่างดี แต่ปัญหาที่ผู้ประกอบการเจอก็คือ การไม่ปล่อยสินเชื่อของแบงก์พาณิชย์ ทำให้โอกาสที่จะเกิดผู้ประกอบการรายใหม่เพื่อสนองการเติบโตของตลาดเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก”
นางฉวีวรรณ ยังเผยอีกว่า ในปี 2557 ฉวีวรรณกรุ๊ป จะยังคงเน้นการส่งออกเนื้อไก่ไปยังต่างประเทศเป็นสำคัญ เนื่องเพราะเป็นธุรกิจที่ดำเนินมานานจนมีความมั่นใจระหว่างบริษัทฯ และกลุ่มคู่ค้า และถึงแม้ว่าขณะนี้จะมีผู้ผลิตอาหารในประเทศหลายรายติดต่อมายังบริษัทฯ เพื่อขอให้ส่งผลิตภัณฑ์ให้ แต่ฉวีวรรณกรุ๊ป ก็ยังไม่สามารถตอบสนองได้อย่างเต็มที่ เพราะกำลังการผลิตที่มีก็ยังถือว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ขณะที่การเตรียมความพร้อมในการรับมือกับโรคระบาดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจนส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านการผลิตของไทยนั้น “ฉวีวรรณกรุ๊ป” ยังคงจัดอบรมเพื่อให้ความรู้แก่บุคลากรในสังกัด ด้วยการร่วมมือกับสำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ ให้ความรู้ด้านการจัดการ และดูแลฟาร์มอย่างถูกต้อง และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการจัดระบบดูแลสัตว์ปีกให้เบ็ดเสร็จก่อนเข้าสู่โรงเชือดอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น ยังเข้มงวดในการใช้ระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ หรือไบโอซีเคียวริตี (Biosecurity) ตามหลักมาตรฐานอาหารโลกเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่คู่ค้าอีกด้วย