ศรีสะเกษ - ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ H1N1 ระบาดชายแดนไทย-เขมร ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พบหญิงสาวเคราะห์ร้ายตายแล้ว 1 ราย ญาติโวยแพทย์ รพ.กันทรลักษ์ไม่ยอมส่งต่อรักษา รพ.ใหญ่ ขณะ จนท.ป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี รุดลงพื้นที่เก็บข้อมูลและควบคุมโรค พร้อมให้ความรู้ญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต
เมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ (31 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 243 ม.20 บ้านเขวา ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.กันทรลักษ์ ได้ลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุมีผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ H1N1 เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเก็บข้อมูลและควบคุมโรค พร้อมทั้งให้ความรู้สร้างความเข้าใจกับญาติพี่น้องของผู้ที่เสียชีวิต
โดยผู้ที่เสียชีวิต คือ นางสาวจาทิตย์ เหลี่ยมโลก อายุ 27 ปี นับว่าเป็นผู้เสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่รายแรกของ จ.ศรีสะเกษ ที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
นางบุษกร พูลทรัพย์ 31 ปี พี่สาวผู้ตาย กล่าวว่า นางสาวจาทิตย์ น้องสาวได้ป่วยเป็นไข้หวัดและญาติพี่น้องได้นำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งแพทย์ได้ให้กลับมานอนพักรักษาต่อที่บ้าน จากนั้นอีก 1 วันอาการไม่ดีขึ้นจึงได้พาน้องสาวไปพบแพทย์อีกครั้ง และได้นอนพักที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ อาการก็ไม่ดีขึ้นและไม่มีการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่า จนญาติทนไม่ไหวได้ประสานให้โรงพยาบาลเอกชนราชเวช จ.อุบลราชธานี มารับตัวไปรักษาต่อ ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ H1N1 และอาการอ่อนล้าเต็มทีไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทันจึงเสียชีวิตในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา
“ไม่เข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดแพทย์โรงพยาบาลกันทรลักษ์จึงไม่ยอมส่ง น.ส.จาทิตย์ ไปให้แพทย์โรงพยาบาลที่มีความพร้อมทั้งด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือทางการแพทย์ให้ช่วยรักษาพยาบาลทั้งที่เป็นโรคที่อันตรายมาก ทำให้ญาติพี่น้องต้องพากันดิ้นรนส่งตัว น.ส.จาทิตย์ ไปให้แพทย์โรงพยาบาลเอกชนราชเวชรักษาพยาบาล จนกระทั่งมาเสียชีวิตในที่สุด” นางบุษกรกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสอบถามข้อมูลเรื่องนี้ไปยังนายแพทย์ประวิ อ่ำพันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ แต่ได้รับคำตอบเพียงสั้นๆ ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ธรรมดา ซึ่งขัดแย้งกับใบมรณบัตรของผู้ตายที่แพทย์โรงพยาบาลราชเวชได้ลงความเห็นว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ H1N1
ในขณะที่เจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี ได้บอกกับญาติและประชาชนในพื้นที่ว่าโรคนี้ไม่ได้ติดกันได้ง่ายๆ ขอให้มีความรู้และรู้ทันโรคก็สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ซึ่งเชื้อไวรัสนี้จะตายในพื้นที่แดดส่องถึงในเวลา 5 นาทีเท่านั้น ส่วนพื้นที่ร่ม หากพบมีการติดเชื้อหรือเป็นไข้หวัดก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทำการฉีดพ่นยาเพื่อทำลายได้
ส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคนั้น เจ้าหน้าที่บอกว่าจะฉีดให้เฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงกับโรคนี้เท่านั้น ส่วนประชาชนทั่วไปไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน