พระนครศรีอยุธยา - ญาติเหยื่อคดียิง 4 ศพโผล่ พบพนักงานสอบสวน สภ.บางบาล ยันชื่อคนตายผิดพลาด ด้านรอง ผบก.เผย 1 ใน 4 เป็นแก๊งวิ่งยารายใหญ่กลุ่มมูเซอ เครือข่ายทั่วประเทศ
จากกรณีที่คนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คน ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. บุกจ่อยิงผัวเมีย 2 คู่ 4 ศพ อย่างโหดเหี้ยม ประกอบด้วย นายวรวิทย์ วังมะนาวพิทักษ์ อายุ 46 ปี น.ส.ณัฐณิชา หรือเกศิณี กิจเกษม อายุ 36 ปี สามีภรรยาเจ้าของบ้าน นายพิษณุ หาคำมา อายุ 56 ปี และ น.ส.ภัคคินี บังคมเนตร อายุ 42 ปี ภรรยานายพิษณุ ที่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 8 ต.กบเจา อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา
เวลา 15.00 น. วันนี้ (21 มี.ค.) พ.ต.อ.สุรินทร์ ทับพันบุปผา รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา มาตรวจสอบความคืบหน้าคดีที่ สภ.บางบาล ขณะที่นายสมชาย เชื้อวงษ์ อายุ 61 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี เดินทางมาพบ ร.ต.ท.สืบสวัสดิ์ โพนเฉลียว พนักงานสอบสวน สภ.บางบาล พร้อมให้ปากคำว่าหนึ่งในศพที่เสียชีวิต คือ น้องชายของตนเอง และมีชื่อ-นามสกุลจริงว่า นายณัฐพงษ์ เชื้อวงษ์ อายุ 52 ปี เป็นสามีของนางณัฏฐณิชา หรือเกศิณี กิจเกษม เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ส่วนชื่อและนามสกุลที่ปรากฏเป็นข่าวไม่ใช่แน่นอน
โดยยืนยันว่า นายณัฐพงษ์ เดิมรับราชการเป็นครูซี 7 อยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี และลาออกจากราชการมากว่า 10 ปี ยึดอาชีพค้าขายรถมือสอง และมาแต่งงานอยู่กินกับนางณัฏฐณิชา ได้หลายปีแล้ว
ส่วนเรื่องคดีน้องชายจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่นั้นไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าบ้านของตนมีพี่น้องรวม 11 คน โดยบ้านเดิมอยู่เลขที่ 120 หมู่ 3 ต.มดแดง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ทุกคนรับราชการ
ด้าน พ.ต.ท.อำนาจ สุขทรัพย์ศรี รอง ผกก.สส.สภ.บางบาล เปิดเผยว่า ตำรวจ สภ.บางบาล ได้นำป้ายขนาดใหญ่ไปติดหน้าบ้านที่เกิดเหตุ ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป เพราะจะไปทำลายหลักฐาน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยไปตรวจดูแล ซึ่งจากการตรวจสอบทะเบียนราษฎร ทราบว่าผู้เสียชีวิตคือ เจ้าของบ้านที่สื่อมวลชนนำเสนอชื่อว่านายวรวิทย์ วังมะนาวพิทักษ์ อายุ 47 ปีนั้น ไม่ใช่ชื่อคนที่เสียชีวิต แต่ผู้เสียชีวิตคือ นายณัฐพงศ์ เชื้อวงศ์ อายุ 52 ปี
ด้านนายเฉลิม กิจเกษม และนางสมทรง กิจเกษม พ่อตาแม่ยายของนายณัฐพงศ์ ออกมายอมรับว่า สงสัย และพยายามติดตามพฤติกรรมของลูกเขยมาโดยตลอด เนื่องจากพบความผิดปกติในการประกอบอาชีพที่มีเงิน และทรัพย์สินมาก และยังขู่ถ้าเข้าไปพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมาย จะให้เลิกแยกทางกับลูกสาว แต่เมื่อสอบถามลูกสาวหลายครั้งก็ถูกปฏิเสธว่าไม่มีอะไร จนกระทั่งมาเกิดเหตุสยองภายในบ้าน ซึ่งวันนี้จะไปรับศพลูกสาวกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดใหม่กบเจา ต.กบเจา
พ.ต.อ.มงคล วรุณโณ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ได้ตรวจสอบประวัตินายพิษณุ ทาคำมา ถูกจับในคดีเฮโรอีนเมื่อปี 2537 ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต ทีมสืบสวนได้เข้าเก็บข้อมูลทำให้คดีมีความคืบหน้าไปมาก หลังจากทราบว่า นายพิษณุ มีพฤติกรรมวิ่งยารายใหญ่จากภาคเหนือ อยู่ในขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มมูเซอ มีเครือข่ายทั่วประเทศ โดยนายพิษณุ อยู่ระหว่างประกันตัวในชั้นศาลรอการอุทธรณ์ เมื่อได้ประกันตัวออกมาก็กลับมาวิ่งเสพติดมาส่งที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จนเกิดการหักหลังขัดแย้งกันในกลุ่มขบวนการจึงได้ถูกสังหาร