พระนครศรีอยุธยา - รอง ผบช.ภ.1 สั่งเร่งคลี่คลายคดีฆ่าโหด 4 ศพหมกบ้านหรูที่อยุธยา เค้นสอบพ่อตาผู้ตายคืนวันเกิดเหตุ พร้อมสั่งขยายผลปมโทรศัพท์มือถือ และรถกระบะของผู้ตายที่ขับวิ่งผ่านอำเภอแม่สาย เชียงราย เมื่อเย็นวันก่อนเกิดเหตุที่อยุธยา พุ่งปมพัวพันธุรกิจมืดเป็นหลัก แต่ยังไม่ทิ้งความขัดแย้งส่วนตัว และประเด็นใหม่ที่ตำรวจได้มาคือ ชู้สาว คาดจันทร์นี้ได้เบาะแสคนร้ายเพิ่ม
วันนี้ (20 มี.ค.) พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (รอง ผบช.ภ.1) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายฆ่า 4 ศพอย่างโหดเหี้ยมแล้วทิ้งศพไว้ในบ้านเลขที่ 71 หมู่ 8 ต.กบเจา อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย นายวรวิทย์ วังมะนาวพิทักษ์ อายุ 46 ปี และ น.ส.ณัฐณิชา หรือเกศิณี กิจเกษม อายุ 36 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของบ้านถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ศีรษะเสียชีวิต นายพิษณุ หาคำมา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 2 ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ น.ส.ภัคคินี บังคมเนตร อายุ 42 ปี ภรรยาของนายพิษณุ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะเสียชีวิตเช่นเดียวกันว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่อยู่ คาดว่าในวันจันทร์ที่ 24 มี.ค.57 นี่จะมีความชัดเจนในคดีมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (20 มี.ค.) พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.ภ.1 และคณะ ได้เดินทางมาตรวจสอบยังบ้านที่เกิดเหตุ พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์เข้าทำการเก็บหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้งหลังจากเก็บไปแล้วครึ่งหนึ่งเมื่อคืนวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่พบหลักฐานอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากนัก
นอกจากนี้ พล.ต.ต.เมธี ยังได้สอบปากคำนายเฉลิม กิจเกษม อายุ 63 ปี พ่อของ น.ส.ณัฐณิชา หรือเกศิณี กิจเกษม ภรรยาของนายวรวิทย์ ผู้เสียชีวิต ขณะกำลังตรวจที่เกิดเหตุโดยสอบสวนนายเฉลิม อย่างเคร่งเครียดถึงคืนวันเกิดเหตุ ซึ่งนายเฉลิม บอกว่า ตนเป็นคนพบศพเป็นคนแรก โดยเวลาประมาณเกือบเที่ยงคืนของวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันหลายนัดออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว ตอนนั้นยอมรับว่า ตนไม่ได้สงสัยอะไร เนื่องจากที่ผ่านมาลูกเขยมักจะชอบยิงปืนเป็นประจำ หลังจากเสียงปืนเงียบลงตนได้ยินเสียงคนปิดประตูรถดังอย่างแรงก่อนขับออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะเป็นรถกระบะ ส่วนเหตุการณ์อื่นไม่ทราบ
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.เมธี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเข้าทำการเก็บหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้งในที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า พบหัวกระสุนปืนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 หัว เป็นกระสุนปืนขนาด 9 มม.และบรรจุอยู่ในถุงพาสติกอีก 13 นัด วางอยู่บนตู้ในที่เกิดเหตุ จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนห้องข้างเคียงในที่เกิดเหตุจากการตรวจค้นพบแต่เพียงร่องรอยการรื้อค้นเล็กน้อยไม่พบหลักฐานอื่นใดที่เป็นประโยชน์แต่อย่างใด
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีน้ำเงินแบบ 4 ประตู หมายเลขทะเบียน บร 8545 เชียงราย ของนายพิษณุ ผู้ตายที่ขับมาจอดอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ ทราบในเบื้องต้นว่า นายพิษณุ ผู้ตายขับเข้ามาจาก จ.เชียงราย เพื่อมาหานายวรวิทย์ ก่อนถูกสังหาร
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางพบว่า รถคันดังกล่าวได้ขับผ่านด่านแม่สาย จ.เชียงราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนมาถูกสังหาร และได้สั่งให้ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเข้าทำเก็บหลักฐานต่างๆ ภายในรถอย่างละเอียดเพื่อเป็นหลักฐานข้อมูลในการคลี่คลายคดีนี้
ด้านนางสมทรง กิจเกษม ภรรยาของนายเฉลิม กิจเกษม แม่ยายของนายวรวิทย์ ได้ให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกว่า เท่าที่พบเห็น นายวรวิทย์ ลูกเขยจะสะพายกระเป๋าภายในจะมีเงินสดเป็นปึกหนา มีทองรูปพรรณหลายเส้นหนักกว่า 10 บาท และอาวุธปืนพก 1 กระบอก เท่าที่ตรวจสอบพบว่าเงินทั้งหมด และทองรูปพรรณหายไปด้วย
นอกจากนี้ นางสมทรง ยังบอกอีกว่า นายวรวิทย์ กับนายพิษณุ ผู้ตายทั้ง 2 คนเป็นเพื่อนสนิทกัน เบื้องต้นทราบว่าที่นายพิษณุ เดินทางมาพบนายวรวิทย์ ครั้งนี้คาดว่าจะมารับเงินรางวัลค่าหวยใต้ดิน ที่นายพิษณุ ถูก 3 ตัวตรงๆ ข้างบนคือเลข 404 โดยแทง 1,000 คูณ 1,000 บาท
ต่อมา ได้มีนายรัตน์ คำแสน อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 ต.โปร่งตา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เดินทางมาพร้อมกับลูกชายของนายพิษณุ ผู้ตาย โดยเปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า นายพิษณุ มีอาชีพทำนาทำสวนอยู่ที่ จ.เชียงราย มีความสนิทสนมกับนายวรวิทย์ ผู้ตายมาก มักจะเดินทางติดต่อไปมาหาสู่กันเป็นประจำ และตอนที่นายพิษณุ เดินทางมาอยุธยา ได้บอกทางบ้านเพียงว่า เพื่อมาซื้อลูกเป็ดไปขายที่ จ.เชียรายเท่านั้น
ส่วน น.ส.ภัคคินี บังคมเนตร ผู้ตายนั้นไม่ได้เป็นภรรยาของนายพิษณุ แต่อย่างใด เป็นเพียงแฟนสาวที่มาด้วยกันเท่านั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเพิ่มประเด็นการสอบสวนว่า มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของพิษณุ ผู้ตายของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พบในคืนวันเกิดเหตุนั้น พบว่าได้มีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามายังนายพิษณุ ตลอดเวลาหลายสายหลายคน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยว่ามีใครติดต่อเข้ามาบ้าง มีการเชื่อมโยง หรือติดตามความเคลื่อนไหวของนายพิษณุ หรือไม่
นอกจากนี้ จากการสอบสวนยังทราบว่า น.ส.ณัฐณิชา หรือเกศิณี กิจเกษม เจ้าของบ้านที่เสียชีวิตเคยมีสามีมาแล้ว แต่ได้เลิกร้างไปนานกว่า 4 ปี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการเรียกอดีตสามีมาทำการสอบสวนด้วย
ภายหลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ พล.ต.ต.เมธี ได้เรียกชุดสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 1 และชุดสืบสวนตำรวจ สภ.บางบาล ที่ห้องประชุม สภ.บางบาล เข้าประชุมคลี่คลายคดีดังกล่าว พร้อมกับเปิดเผยว่า ในคดีนี้คนร้ายไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้ในที่เกิดเหตุมากนัก ตำรวจจะต้องทำการตามเก็บหลักฐาน ตรวจสอบประวัติของผู้ตายทุกคนอย่างละเอียดเสียก่อนจึงจะสามารถสรุปประเด็นการสังหารที่ชัดเจนได้
“แต่จากพฤติกรรมการสังหารของคนร้ายเหี้ยมโหดมาก คนร้ายมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนในการจ่อยิงแบบประชิดตัวครั้งเดียว 4 ศพ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานก่อน คาดว่าในวันจันทร์ที่ 24 มี.ค.57 นี่จะมีความชัดเจนในคดีมากขึ้น”
“นอกจากนี้ ยังพบว่ารถของผู้ตายทั้ง 2 คนวิ่งล่องอยุธยา ภาคเหนือเป็นประจำ ทำให้ตำรวจมุ่งประเด็นการเข้าไปพัวพันในธุรกิจมืดเป็นหลักเป็นชนวนเหตุการสังหารในครั้งนี้ แต่ประเด็นที่ตำรวจไม่ทิ้ง และมีความเป็นไปได้ในเรื่องของความขัดแย้งส่วนตัว ส่วนประเด็นใหม่ที่ตำรวจได้มา คือ ประเด็นเรื่องชู้สาว แต่ไม่ได้ให้น้ำหนักมากนัก”