กาญจนบุรี - ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเลาขวัญ เหมารถบัสบุกศาลากลางจังหวัด พบรอง ผวจ.กาญจนบุรี คัดค้านโรงงานหลอมทองแดง-ทองเหลือง บริษัท ที ซี ซี หนองนกแก้ว จำกัด ที่กำลังจะมีการก่อสร้างโรงงานในพื้นที่ตำบลหนองนกแก้ว อำเภอเลาขวัญ หวั่นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของชาวบ้าน และบุตรหลานในอนาคต ลั่นเตรียมยื่นศาลปกครองสั่งระงับโครงการก่อสร้าง
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (10 มี.ค.) ชาวบ้านจากหมู่ 10 ต.หนองนกแก้ว อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี พร้อมชาวบ้านกว่า 100 คน เหมารถบัสโดยสารมาที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ระงับการก่อสร้างโรงงานหลอมทองแดง-ทองเหลือง ของบริษัท ที ซี ซี หนองนกแก้ว จำกัด ตั้งอยู่ริมถนนสายห้วยกระเจา-เลาขวัญ หมู่ 6 ต.หนองนกแก้ว อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี เนื่องจากชาวบ้านเกรงว่า หากมีการก่อสร้างโรงงานดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ รวมทั้งสุขภาพของชาวบ้าน และบุตรหลานในอนาคต โดยมีการนำป้ายผ้าเขียนข้อความต่อต้านการสร้างโรงงานดังกล่าวติดเอาไว้ข้างรถบัสด้วย
จากนั้นชาวบ้านได้แกะป้ายผ้าออก และนำมาถือประจานที่ด้านหน้าทางขึ้นศาลากลาง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน อส.จังหวัดกาญจนบุรี คอยดูแลความเรียบร้อย มีนายสุภณ จุนอนันตธรรม ป้องกันจังหวัดกาญจนบุรี ได้มาพบกลุ่มชาวบ้าน พร้อมขอให้ชาวบ้านส่งตัวแทน 10 คนขึ้นไปที่ห้องประชุมดาวดึงส์ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อประชุมร่วมกับนายสุรยันต์ กาญจนศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายชาญวิทย์ ศุภกิจจานุสรณ์ นายอำเภอเลาขวัญ นายแพทย์พนัส โสภณพงศ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี นายอนิรุทธ์ โพธิหล้า หัวหน้าฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี และตัวแทนจากกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี ที่รออยู่แล้ว
โดยตัวแทนชาวบ้านได้กล่าวอธิบายถึงเหตุผลต่างๆ ที่ไม่ต้องการให้มีการสร้างโรงงานดังกล่าวขึ้น มีอุตสากรรมจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้ชี้แจงถึงเหตุผลของการออกใบอนุญาตให้โรงงานดังกล่าวก่อสร้างได้ ที่ประชุมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่งโมงจึงแล้วเสร็จ
นางอนงค์ นงนุช ตัวแทนชาวบ้านกล่าวว่า เราทราบว่าอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีการออกใบอนุญาตในการก่อสร้างโรงงานแล้ว แต่พวกเราที่เดินทางมา มีความไม่สบายใน เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้เรียกชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมทำประชาคมด้วย จะมีก็เพียงชาวบ้านหมู่ 6 ต.หนองนกแก้ว อ.เลาขวัญ เท่านั้น ที่ทำประชาคมกันเพียงครั้งเดียว
ส่วนชาวบ้านที่อาศัยอยู่โดยรอบเช่นหมู่ 1 หมู่ 5 หมู่ 7 หมู่ 10 ต.หนองนกแก้ว และหมู่ 1 หมู่ 2 หมู่ 3 หมู่ 5 หมู่ 10 และหมู่ 12 ต.หนองประดู่ อ.เลาขวัญ ไม่มีใครทราบมาก่อนว่าจะมีการก่อสร้างโรงงานดังกล่าว ขณะที่นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้มีการส่งหนังสือเชิญชาวบ้านเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ถึงแม้ชาวบ้านจะไม่ได้อยู่ในหมู่ 6 ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งโรงงานก็ตาม แต่ชาวบ้านที่มาส่วนใหญ่อาศัยอยู่โดยรอบโรงงาน เพราะมีพื้นที่ติดต่อกันเกือบทั้งหมด และหากมีการก่อสร้างโรงงานหลอมทองแดง และอะลูมิเนียม ของบริษัท ที ซี ซี หนองนกแก้ว จำกัด แล้วเสร็จ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านทุกครัวเรือน โดยเฉพาะชาวบ้านทุกหมู่บ้านต้องอาศัยแหล่งน้ำ คือ ลำห้วยที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพการเกษตร และใช้สำหรับอุปโภคบริโภค เชื่อว่าอนาคตจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างโรงงานดังกล่าวด้วย” นางอนงค์ กล่าว
ด้านนางทองพิณ ศรีเหรา ตัวแทนชาวบ้านอีกคนกล่าวว่า หลังจากชาวบ้านทุกคนทราบว่าจะมีการก่อสร้างโรงงานดังกล่าว เราต่างร่วมกันคัดค้านการก่อสร้างมาโดยตลอด และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียกพวกเราไปร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย แต่ไม่มีการเรียกพวกเราไปร่วม จนกระทั่งมีการออกใบอนุญาตให้แก่โรงงานไปแล้ว
“การคัดค้านของพวกเราต้องยอมรับว่าไม่มีแกนนำ เพราะพวกเราคัดค้านด้วยบริสุทธิ์ใจ ไม่มีผลประโยชน์อื่นใดมาแอบแฝง เพราะทุกคนต่างก็อายุมากกันแล้ว และที่ผ่านมา พวกเราถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลพยายามข่มขู่มาโดยตลอด จึงทำให้หวั่นเกรงว่าจะได้รับอันตราย แต่พวกเราจะขอคัดค้านต่อไป เพราะไม่เช่นนั้นบุตรหลานของพวกเราอนาคตจะอยู่กันอย่างไร และหากพวกเราไม่ได้รับความเห็นใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราก็จะเดินทางไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป” นางทองพิณ กล่าว
ด้านนายอนิรุทธ์ โพธิหล้า หัวหน้าฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า อุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ได้ออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างโรงงานเมื่อวันที่ 27 พ.ย.56 ที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุที่ออกให้นั้นเนื่องจากทางบริษัทได้มายื่นขอออกใบอนุญาต และมีการทำประชาคมหมู่บ้านถูกต้องทุกขั้นตอน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และพบว่าไม่มีปัญหากระทบกับสิ่งแวดล้อม เพราะพื้นที่ก่อสร้างอยู่ห่างไกลจากชุมชน
และที่สำคัญโรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานขนาดเล็ก มีแรงการผลิตวันละไม่ถึง 10 ตัน จึงไม่เข้าข่ายที่จะต้องสำรวจอีไอเอ และจากการสำรวจพื้นที่ก่อสร้างโรงงานก็ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ จึงขอชี้แจงให้แก่ชาวบ้านเข้าใจกันตามนี้ด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม หากประชาชนไม่มีความสบายใจ ทางอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ก็จะเชิญผู้ประกอบการมาชี้แจงทำความเข้าใจแก่ประชาชนอีกครั้งหนึ่ง และจะได้นัดหมายกันอีกครั้งหนึ่งว่าจะให้ชี้แจงที่ใด และวันไหน แต่จะให้ถอนใบอนุญาตนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะการออกใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง
ส่วนนายสุรยันต์ กาญจนศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า จากการรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริง พบว่า โรงงานดังกล่าวได้ขออนุญาตก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมายไปแล้ว แต่ยังไม่มีการก่อสร้างโรงงานแต่อย่างใด เพียงแค่เริ่มต้นปรับพื้นที่เตรียมการก่อสร้างเท่านั้น และหากมีการก่อสร้างแล้วเสร็จจะต้องติดตามตรวจสอบโรงงานดังกล่าวว่ามีการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมกันอย่างต่อเนื่อง
“หากมีการทำผิดขั้นตอน และไม่ได้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย หรืออาจจะถูกสั่งปิดโรงงานไปเลยก็ได้ แต่เพื่อความสบายใจของประชาชนผมจะประสานให้เจ้าของโรงงานมาชี้แจงทำความเข้าใจต่อประชาชนอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะรู้ผลการนัดหมายภายใน 15 วัน” รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าว