ลำปาง - รองผู้ว่าฯ เมืองรถม้า สะบัดธงปล่อยแถวชุดเฉพาะกิจ “เหยี่ยวไฟป่าลำปาง” ลุยสกัดไฟป่าแก้วิกฤตหมอกควัน หลังระดับ PM10 พุ่งสูงเกินค่ามาตรฐานต่อเนื่องทุกสถานี
วันนี้ (8 มี.ค.) นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย พล.ต.ชีวัน โหละบุตร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ร่วมกันเป็นประธานในการปล่อยขบวนชุดเฉพาะกิจยุทธการเหยี่ยวไฟป่าลำปางดับไฟป่า 2557 ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดลำปาง
เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าของจังหวัดลำปางซึ่งยังมีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก เฉลี่ย 24 ชั่วโมงมีค่าเกินมาตรฐานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน และเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนแล้ว
โดยจังหวัดลำปาง ได้มีการตั้งฐานปฏิบัติงาน และประสานงานเฉพาะกิจขึ้นเพิ่มเติมอีก 5 ฐานคือ หน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ที่ ลป.38 (ท่าสี) อ.แม่เมาะ หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลป.31 (แม่หวด) อ.งาว หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.30 (แม่โป่ง) อ.งาว หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.15 (แม่ต่ำ) อ.แจ้ห่ม และหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.12 (ขุนวัง) อ.วังเหนือ
ซึ่งชุดเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้นนี้ ได้มีการสนธิกำลังจากหลายหน่วยงานของกรมป่าไม้ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เข้ามาช่วยในการดับไฟป่าของจังหวัดลำปางโดยเฉพาะ ระยะแรกจะออกปฏิบัติงาน รวม 10 วัน คือระหว่าง 8-17 มีนาคม หลังจากนั้น จะมีการประเมินสถานการณ์ และวางแผนการดำเนินงานต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าให้ได้ผลมากที่สุด
ขณะที่ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ ในวันนี้ พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 17-202 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดี ถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ปริมาณฝุ่นละอองไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้ามากนัก
แต่จังหวัดลำปาง มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานทั้ง 3 สถานี โดยปริมาณดังกล่าวเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนแล้ว ดังจะเห็นได้จากการเกิดอากาศหายใจติดขัดเมื่ออยู่กลางแจ้ง แสบตา เป็นต้น
กรมควบคุมมลพิษ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตร การเผา ริมทาง และพื้นที่ป่า หากมีความจำเป็นต้องเผาต้องขออนุญาตจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในเขตปกครองท้องที่นั้นๆ ก่อนทุกครั้ง และต้องจัดทำแนวกันไฟ และควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่นได้
และให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ลักลอบเผา หรือขออนุญาตเผาแล้วแต่ไม่ทำแนวกันไฟ หรือไม่ได้ควบคุมไฟให้อยู่ในพื้นที่ถือครอง จนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่น หรือลุกลามเข้าไปในเขตป่าโดยเฉียบขาด
นอกจากนี้ ขอให้ประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และวิธีการป้องกันตนเองที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนด้วย