พระนครศรีอยุธยา - พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1 ลงพื้นที่อยุธยา ติดตามคดีคนร้ายใช้มีดอีโต้บุกเดี่ยวชิงเงินธนาคารกสิกรไทย ภายในนิคมฯ ไฮเทค กวาดเงินไปเกือบ 2 แสนบาท พร้อมประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในนิคมฯ เพื่อหามาตรการป้องกันเหตุเกิดซ้ำซาก หลังพบสถานประกอบการหลายแห่งในนิคมฯ ไม่มีระบบ รปภ.ที่ดี
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคนร้ายใช้มีดอีโต้บุกเข้าชิงเงินธนาคารกสิกรไทย สาขานิคมอุตสาหกรรมไฮเทค หมู่ 5 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 30-35 ปี สูงประมาณ 170 ซม. สวมเสื้อแจ็กเกตสีดำ หมวกกันน็อกสีน้ำเงิน สวมถุงมือสีขาว ได้เงินไป 182,000 บาท แล้ววิ่งไปขับรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างธนาคารหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด วันนี้ (4 มี.ค.) พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) ได้เดินทางมาดูจุดที่เกิดเหตุภายในธนาคารกสิกรไทย สาขานิคมอุตสาหกรรมไฮเทค หมู่ 5 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีคนร้าย โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน และ พ.ต.อ.ภูวดิท ชนะคชภัทร์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ชัยยะ เพ็ชร ปัญญา ผกก.สภ.บางปะอิน ให้การต้อนรับ และร่วมตรวจดูสถานที่เกิดเหตุ
จากการตรวจสอบพบว่า บริเวณที่ตั้งของธนาคารดังกล่าวตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่ ทางเข้า-ออกธนาคารสะดวก ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ภายในธนาคาร ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงให้คนร้ายเข้ามาก่อเหตุได้
หลังจากนั้น พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1 ได้เดินทางไปที่ห้องประชุมนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เพื่อประชุมร่วมกับตัวแทนธนาคาร ร้านทอง และร้านสะดวกซื้อที่อยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เพื่อหาแนวทางการป้องกันคนร้ายก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวในอนาคต
พล.ต.ต.วิรุฬ กล่าวภายหลังเข้าตรวจสอบบริเวณสถานที่เกิดเหตุคนร้ายใช้มีดอีโต้บุกเข้าชิงเงินจากธนาคารกสิกรไทย ว่า จากการตรวจสอบ และติดตามคนร้ายรายนี้ของเจ้าหน้าที่พบว่า คนร้ายใช้จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสเปซี่ไอ สีแดง ไม่ติดแผนป้ายทะเบียน
หลังก่อเหตุแล้วคนร้ายได้ทิ้งมีดอีโต้กับกระเป๋าไว้บริเวณป่าข้างธนาคาร ก่อนขับรถจักรยานยนต์ออกถนนสายเอเชีย แล้วไปกลับรถมาใต้สะพานกลับรถ ซึ่งอยู่ห่างจากนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคไม่มากนัก เพื่อถอดเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ มีตัวหนังสือภาษาอังกฤษ A I R หมวกกันน็อกยี่ห้ออินเด็กซ์ สีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ และหมวกไอ้โม่งสีดำทิ้งไว้ก่อนหลบหนีเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามได้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เก็บหลักฐานทั้งหมดไว้หมดแล้ว
“การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อมาตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมกับพบผู้ประกอบการในพื้นที่อุตสาหกรรมไฮเทค รวมถึงเจ้าหน้าที่ของทางนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เพื่อหาแนวทางร่วมกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก โดยเน้นในเรื่องการป้องกันตัวเองขณะเกิดเหตุ การติดตั้งกล้องวงจรปิด การติดตั้งประตูอัตโนมัติ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมถึงการทำสัญญาณเตือน หรือแจ้งเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งพื้นที่ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ระบบรักษาความปลอดภัยจะต้องร่วมกับตำรวจช่วยกันตรวจคนเข้าออก และเตรียมนำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปฝึกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสร้างความเข้าใจในการป้องกันเหตุได้ทันที
“ในส่วนของการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายนั้น ในวันพรุ่งนี้ (5 มี.ค.) จะมีการสรุปว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นคนเดียวกับที่เข้าไปก่อเหตุใช้อาวุธมีดจี้ชิงเงินจากธนาคารกรุงเทพ สาขานิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมาหรือไม่ เนื่องจากธนาคารทั้ง 2 แห่งนี้อยู่ไม่ไกลกันนัก อีกทั้งการก่อเหตุก็เกิดขึ้นในลักษณะที่คล้ายกัน” พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1 กล่าว