พระนครศรีอยุธยา - “ผบช.ภ.1” ลงพื้นที่แถลงข่าวหลังตำรวจกรุงเก่าตามรวบหนุ่มวิน จยย.รับจ้าง สวมวิญญาณ “โจรมีดอีโต้” บุกเดี่ยวชิงเงินธนาคารกสิกรไทย สาขานิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้าไฮเทค พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ได้เงินไป 182,000 บาท ผู้ต้องหาสารภาพหน้าตาเฉย เห็นว่าชิงทรัพย์กันง่ายเลยเอาบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุใช้มีดอีโต้บุกชิงเงินสดธนาคารกสิกรไทย สาขานิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เงินสดไป จำนวน 182,000 บาท แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (14 มี.ค.) พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) พร้อมด้วย พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวช รอง ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) พระนครศรีอยุธยา
พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนได้ควบคุมตัว นายศิลา พงษ์นุ่มกูล อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/12 หมู่ 3 ต.รังสิต อ.ธัญญะ จ.ปทุมธานี มาแถลงข่าว และทำแผนประกอบคำรับสาภาพ พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ และรถจักรยานยนต์ที่นำเงินที่ได้จากการชิงเงินไปซื้อมา หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายศิลา พงษ์นุ่มกูล ได้เมื่อเช้าวันนี้ หลังจากที่ได้ก่อเหตุใช้มีดอีโต้บุกเข้าชิงเงินสดธนาคารกสิกรไทย สาขานิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เงินสดไป จำนวน 182,000 บาท แล้วหลบหนีเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายศิลา ให้การรับสารภาพว่า ตนมีอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ก่อนที่จะก่อเหตุได้กู้เงินนอกระบบมาแต่ไม่มีเงินใช้หนี้ และได้ดูทีวีเห็นข่าวว่ามีการใช้มีดจี้ชิงเงินของธนาคารกรุงเทพ สาขานิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ซึ่งอยู่ใกล้กัน และเห็นว่าได้ง่ายดี และตำรวจยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ ประกอบกับทางธนาคารไม่มีการควบคุมดูแลความปลอดภัย และช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเวลาที่ผู้คนมาใช้บริการน้อย
โดยวางแผนอยู่ประมาณ 2-3 วันก่อน โดยได้เตรียมมีดอีโต้ และหาเสื้อผ้า หมวกกันน็อกสภาพเก่ามาสวมใส่ทับเสื้อผ้าของตนเองอีกชั้นเข้าไปก่อเหตุ โดยระหว่างที่หลบหนีได้ถอดเสื้อผ้าทิ้งกระจายไว้ตามจุดต่างๆ เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามตัว หลังจากได้เงินแล้วได้นำไปซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่ 1 คัน ราคา 50,000 บาท และใช้หนี้ไฟแนนซ์ที่ตนนำรถไปจำนำไว้ อีกส่วนนำไปใช้หนี้นอกระบบ เหลือเงินที่ได้ไปกลับมาเพียง 5,000 บาท
พล.ต.ท.นเรศ กล่าวว่า ต้องชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถเร่งรัดสืบสวนสอบสวนจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 11 วัน ซึ่งการสืบสวนนั้นต้องทำการค้นหาพยานบุคคล รวมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนีมาประกอบ เพราะคนร้ายพยายามที่จะลวงเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ไม่สามารถหลนหนีไปได้ ซึ่งจะมีการมอบเงินรางวัลให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ จำนวน 100,000 บาท
ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุชิงเงินธนาคารกรุงเทพ สาขานิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ สำหรับประชาชนที่ให้ข้อมูลเบาะแสนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้ตั้งรางวัลนำจับไว้ 100,000 บาทด้วยเช่นกัน