ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตามคาด! “สุภรณ์” แรมโบ้อีสาน อดีตรองเลขาฯ นายกฯ ปูเน่า ยอมรับแก๊งลอบขนไม้พะยูงเถื่อนและติดสินบน จนท. 1.5 ล้านเป็นพี่ชายจริง แต่อ้างไม่ได้ติดต่อและพบเจอกันมานานมากแล้ว อีกทั้งตัวเองและครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมขอให้สำนึกกลับใจร่วมมือตำรวจขยายผลไปถึงนายทุนใหญ่อยู่เบื้องหลังเอามาดำเนินคดีตาม กม.ทั้งหมด
ช่วงเย็นวันนี้ ( 29 ม.ค.) ที่ห้องประชุมลีลาวดี สภ.เสิงสาง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือฉายา “แรมโบ้อีสาน” อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนกรณี นายสุเชษฐ อัตถาวงศ์ อายุ 58 ปี พี่ชาย ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกับพวกลักลอบขนไม้พะยูงผิดกฎหมายมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท และติดสินบนเจ้าหน้าที่เป็นเงิน 1.5 ล้านบาท ว่า อยากชี้แจงในสิ่งที่เกิดขึ้นมา เป็นที่รู้กันดีของคนพื้นที่และหน่วยงานราชการภาครัฐว่าตนเข้มงวดและเอาจริงเอาจังกับกลุ่มขบวนการบุกรุกป่าพื้นที่อย่างมาก เคยเป็นเลขาธิการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งที่ผ่านมาได้ทราบข่าวว่ามีพี่น้องประชาชนนับพันรายเข้าไปบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ทำให้ทรัพยากรป่าไม้สูญเสียไปมหาศาล ตนก็เป็นผู้ที่เข้าไปเจรจาให้ประชาชนกลุ่มนั้นออกมาจากพื้นที่ ซึ่งทำได้สำเร็จมาแล้ว
ตนประกาศจุดยืนชัดเจนตั้งแต่ได้รับการเลือกตั้ง ผ่านการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมา 3 สมัย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้กำชับข้าราชการที่อยู่ในพื้นที่ อ.ครบุรี และ อ.เสิงสาง ในทุกระดับ ซึ่งอยู่ติดกับเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ว่าห้ามให้มีการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่อย่างเด็ดขาด รวมไปถึงปัญหาด้านอื่นๆ อย่างเช่นยาเสพติด เป็นต้น หากบุคคลใดไม่ว่าจะเป็นหน้าอินทร์หน้าพรหมคนไหนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกระทำความผิดจะต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวมถึงยังได้สั่งการกำชับห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกัน รวมไปถึงวงศาคณาญาติของตัวเองด้วย
ยอมรับว่าตนมีญาติพี่น้องในพื้นที่ อ.ครบุรี และ อ.เสิงสาง เป็นจำนวนมากเพราะเป็นคนพื้นที่มีครอบครัวอยู่ที่นี่ ซึ่งหากบรรดาญาติกระทำความผิดก็ต้องยอมรับผิดเช่นเดียวกับบุคคลอื่น เรื่องร้องเรียนถูกกลั่นแกล้งหรือเรื่องช่วยเหลือที่พอช่วยกันได้ตนก็จะช่วย แต่ถ้าเรื่องใดผิดกฎหมายจะไม่มีคำว่าญาติพี่น้องเด็ดขาด ไม่มีการช่วยเหลือแม้แต่เม็ดงา เม็ดทราย เรื่องนี้ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในพื้นที่ดูได้
นายสุภรณ์กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนกรณีของ นายสุเชษฐ อัตถาวงศ์ นั้น ยอมรับว่าเป็นพี่ชายของตนจริง แต่ไม่ได้ติดต่อและพบเจอกันมานานมากแล้ว เนื่องจากพี่ชายคนนี้ได้แยกครอบครัวหายหน้าไปนานแล้ว ไม่เคยเข้ามาที่บ้าน ไม่เคยโทรศัพท์ติดต่อกัน เพราะพี่ชายคนนี้เป็นพี่ชายที่ดื้อ ไม่ค่อยเชื่อฟังพี่น้องและครอบครัว ในขณะเดียวกันตนลงสมัคร ส.ส.ครั้งใดพี่ชายคนนี้ก็จะไปอยู่ฝั่งตรงกันข้ามตลอด
ดังนั้นความจริงที่ว่า นายสุเชษฐเป็นพี่ชายหรือไม่นั้น ยอมรับว่าเป็นพี่ชายตนจริง แต่หากทำผิดกฎต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ตนไม่เข้าไปยุ่งและไม่ได้ไปประกันตัวด้วยซ้ำ สิ่งที่เกิดขึ้นมีความผิดจริงก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะตนเป็นผู้ยึดหลักกฎหมายอย่างเข้มข้นและชัดเจน ซึ่งความผิดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของคนคนเดียว ตนและสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น จึงอยากชี้แจงให้พี่น้องประชาชนและสังคมได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงนี้
ทั้งนี้ นายสุภรณ์ยังได้ฝากไปถึงพี่ชายด้วยว่า ขอให้สำนึกกลับตัวกลับใจ และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อที่จะขยายผลไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังตัวนายทุนใหญ่ที่ว่าเป็นชาวเวียดนาม ซึ่งตนเองก็พอได้ยินข่าวมานานแล้ว รวมถึงกลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้ทั้งหมด เอามาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ สิ่งที่เคยทำผิดมาก็ต้องยอมรับผิด