ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สัตวแพทย์หมีแพนด้าเผยต้องลุ้นหนักทั้งคืน หลัง “หลินฮุ่ย” เอาแต่ขลุกอยู่กับรัง และแสดงอาการเบ่งคล้ายจะออกลูก แม้สุดท้ายจะยังไม่มีอะไร แต่เชื่อใกล้ถึงเวลาออกลูกเข้าไปทุกทีแล้ว
วันนี้ (25 ม.ค.) นายสัตวแพทย์ ดร.บริพัตร ศิริอรุณรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์วิจัยและการศึกษา องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ หัวหน้าคณะทำงานโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วงคืนวานนี้ (24 ม.ค.) “หลินฮุ่ย” แม่หมีแพนด้าที่ตั้งท้องของสวนสัตว์เชียงใหม่ มีการแสดงอาการกระวนกระวายอย่างมาก และดื้อไม่ยอมฟังคำสั่ง โดยไม่ยอมกลับเข้าสู่คอกกัก เอาแต่ขลุกอยู่กับรังที่สร้างไว้ในส่วนจัดแสดง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ “หลินฮุ่ย” ไม่ยอมกลับเข้าสู่คอกกักในช่วงกลางคืน
ขณะเดียวกัน “หลินฮุ่ย” ยังมีการแสดงอาการเบื่ออาหาร ไม่สนใจ และไม่กินอาหารที่พี่เลี้ยงเอาให้ แม้จะมีการยื่นให้ใกล้ๆ ก็ตาม โดย “หลินฮุ่ย” เอาแต่สนใจตัวเอง และรัง มีการเลียอวัยวะเพศ และมีการแสดงอาการคล้ายการเบ่งให้เห็นด้วย ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดดูคล้ายใกล้ที่จะออกลูกอย่างมาก ทำให้ตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทางทางทีมงานต้องเฝ้าระวัง และจับตาดูอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด “หลินฮุ่ย” ก็ยังไม่มีการออกลูก
หัวหน้าคณะทำงานโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย ยอมรับว่า เวลานี้ “หลินฮุ่ย” ให้ความสนใจกับรังที่สร้างไว้ในส่วนจัดแสดงมากเป็นพิเศษ ซึ่งก็อาจมีความเป็นไปได้ที่หากจะมีการออกลูก “หลินฮุ่ย” จะเลือกรังนี้ โดยที่หากเป็นเช่นนั้นทางทีมงานก็มีความพร้อมและเตรียมแผนการทำงานไว้แล้ว แม้ว่าอาจจะมีความยุ่งยากในการทำงานมากกว่าการออกลูกในคอกกักก็ตาม
ส่วนการคาดการณ์กำหนดวันที่ “หลินฮุ่ย” จะออกลูกนั้น นายสัตวแพทย์ ดร.บริพัตร กล่าวว่า จากการแสดงออก และพฤติกรรมของ “หลินฮุ่ย” ถึงตอนนี้บอกได้แต่เพียงว่าช่วงเวลาของการออกลูกน่าที่จะใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะคาดการณ์ หรือสรุปว่าจะมีการออกลูกเมื่อใด เพราะการตั้งท้อง และออกลูกของหมีแพนด้านั้นเป็นเรื่องที่มีความแปรผันอย่างมาก และยากที่จะคาดได้ โดยทำได้แต่เพียงเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
ส่วนระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนนั้น ถือว่าลดลงต่ำมาอยู่ในระดับต่ำสุดแล้ว ซึ่งช่วงหลังจากนี้ก็ต้องมุ่งไปที่การจับตาดูพฤติกรรมของ “หลินฮุ่ย” เป็นหลักมากกว่าดูฮอร์โมน