ตูม! สนั่นเหนือเขาพระวิหาร หนีตายจ้าละหวั่น พบเศษโลหะตกจากท้องฟ้าอื้อ

ศรีสะเกษ - ตูม! สนั่นเหนือเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-เขมร อ.กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ ชาวบ้านแตกตื่นหนีตายจ้าละหวั่น พบเศษชิ้นส่วนโลหะตกจากท้องฟ้าจำนวนมาก คาดเป็นดาวเทียมหมดอายุการใช้งานได้ระเบิดทำลายตัวเองเช่นที่เคยเกิดขึ้นในปี 2554

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (9 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นต่อเนื่องกันหลายครั้งเหนือท้องฟ้าใกล้กับปราสาทพระวิหาร ส่งผลให้ชาวบ้านที่กำลังทำไร่นาอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พากันแตกตื่นรีบวิ่งหลบหนีเข้ามาภายในหมู่บ้าน เนื่องจากเข้าใจว่าเกิดการสู้รบกันระหว่างทหารไทย และทหารกัมพูชา ที่บริเวณเขาพระวิหาร ขณะที่นักเรียนบ้านภูมิซรอลที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ได้พากันวิ่งเข้าหลุมหลบภัยกันอย่างโกลาหล

จนกระทั่งเหตุการณ์ปกติจึงได้พากันออกมาจากหลุมหลบภัย และพบว่ามีเศษชิ้นส่วนโลหะตกลงมากระจายเกลื่อนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งชาวบ้านได้พากันเก็บเศษโลหะมารวบรวมไว้ที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ตระเวนเก็บชิ้นส่วนโลหะที่ตกกระจายเกลื่อนเป็นบริเวณกว้างตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อนำไปตรวจสอบต่อไป

นายวุฒินันท์ นิยม ครูโรงเรียนบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังสอนเด็กนักเรียนอยู่ ปรากฏว่า ได้ยินเสียงระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวที่บนท้องฟ้าใกล้เขาพระวิหาร โดยเกิดเสียงระเบิดดังต่อเนื่องกันประมาณ 7-8 ครั้ง จากนั้นได้มีกลุ่มควันพวยพุ่งบนท้องฟ้า ตนและคณะครูได้พานักเรียนเข้าหลบในหลุมหลบภัย เนื่องจากคิดว่าเกิดการสู้รบกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณเขาพระวิหาร และเมื่อเหตุการณ์สงบแล้ว จึงได้นำนักเรียนออกมาจากหลุมหลบภัย ขณะที่ผู้ปกครองส่วนหนึ่งได้มารับเด็กนักเรียนกลับบ้านเนื่องจากเกรงว่าลูกหลานจะไม่ปลอดภัย

“เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คาดว่าเกิดจากเป็นการยิงสกัดดาวเทียมสอดแนมของประเทศที่ไม่หวังดีต่อประเทศไทย และเศษโลหะได้ตกลงมากระจายเกลื่อนรอบบริเวณโรงเรียน ซึ่งพวกเราได้เก็บมารวบรวมไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้มาเก็บรวบรวมเศษโลหะทั้งหมดไปแล้ว” นายวุฒินันท์กล่าว

ทางด้าน นายโชคชัย สายแก้ว นายก อบต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้เก็บรวบรวมเศษโลหะชิ้นส่วนทั้งหมดเอาไว้ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 5 ชิ้น แต่ละชิ้นมีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร (ซม.) ซึ่งจากการตรวจสอบจากฝ่ายความมั่นคงแล้ว คาดว่าการระเบิดครั้งนี้เกิดจากการที่มีดาวเทียมหมดอายุการใช้งานได้ระเบิดทำลายตัวเองที่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเมื่อช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ได้เกิดมีเหตุการณ์ระเบิดเช่นนี้ ซึ่งทำให้ชาวบ้านพากันแตกตื่นตกใจกลัวมาก เพราะคิดว่าเป็นการสู้รบกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งตนจะเก็บรวบรวมเศษโลหะทั้งหมดเอาไว้เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้มาชมต่อไป