ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - BOI เผยภาวะการลงทุนภาคเหนือปี 2556 ซึม ไม่ขยายตัวดีเท่าปี 2555 ลุ้นใหม่ปีหน้า เหตุเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว พร้อมยืนยันปัญหาการเมืองไม่ส่งผลกระทบอย่างที่หลายฝ่ายห่วง ย้ำต่างชาติยังมั่นใจเพราะนโยบายการลงทุนชัดเจน ระบุ “ญี่ปุ่น-เกาหลี” พร้อมหอบเงินเข้ามาลงทุนเพิ่มในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือหากมีการขยายพื้นที่ เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าผลักดันเต็มสูบ
นายศักดิ์ชัย เหลืองสถิตกุล ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 1 เปิดเผยภาวะการลงทุนของภาคเหนือว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2556 มีโครงการลงทุนที่ขอรับการส่งเสริมในภาคเหนือ 17 จังหวัด จำนวน 77 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมการเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า และกิจการบริการและสาธารณูปโภค มูลค่าการลงทุนรวม 15,093.4 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2555 ที่มีจำนวน 91 โครงการ มูลค่าการลงทุน 18,471.2 ล้านบาท หรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 15 และร้อยละ 18 ตามลำดับ
ขณะที่โครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนมีจำนวน 69 โครงการ มูลค่าการลงทุน 11,535.6 ล้านบาท ลดลงจากปี 2555 ที่มีจำนวน 93 โครงการ มูลค่าการลงทุน 29,499.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลงร้อยละ 20 และร้อยละ 61 ตามลำดับ
ทั้งนี้ เฉพาะในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนมีโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 51 โครงการ มูลค่าการลงทุน 5,924.6 ล้านบาท โดยการลงทุนของต่างชาติที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนมากเป็นอันดับหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนคือ การลงทุนจากญี่ปุ่นจำนวน 11 โครงการ ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รองลงมาเป็นฮ่องกงและเกาหลี ประเทศละ 3 โครงการ นอกจากนี้เป็นเยอรมนี สหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ จีน อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ เคย์แมน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โดยนายศักดิ์ชัยยอมรับว่า มูลค่าการลงทุนของโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2556 นั้น ลดลงไปเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 คิดเป็นประมาณร้อยละ 15 อย่างไรก็ตาม มูลค่าการลงทุนที่ลดลงดังกล่าวไม่ได้เป็นผลมาจากปัญหาทางการเมืองแต่อย่างใด ทว่ามาจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับอีกปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้มูลค่าการลงทุนในปี 2556 ลดลง เป็นผลเนื่องมาจากการที่ในปี 2555 เป็นช่วงการฟื้นฟูหลังน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554
ดังนั้น ในปี 2555 จึงมีการลงทุนมากเป็นพิเศษ และทำให้ในปี 2556 มีการลงทุนไม่มากเท่าช่วงของการฟื้นฟู แต่หากเปรียบกับในปี 2554 ในช่วงก่อนที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ดังกล่าวจะพบว่าการลงทุนในปี 2556 มีการขยายตัวมาก
“ปกติ BOI จะตั้งเป้ามีการลงทุนขยายตัวปีละประมาณ 10% ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2555 ที่ผ่านมาภาคเหนือตอนบนมีโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน มูลค่าการลงทุน 1.8 หมื่นล้านบาท ฉะนั้นในปี 2556 ก็ควรมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แต่ในปีนี้คงต้องยอมรับว่าไม่น่าจะสามารถทำได้ตามเป้าดังกล่าว ไม่ใช่เพราะปัญหาการเมือง แต่เนื่องมาจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งเป็นผลมาจากที่ในปี 2555 มีการลงทุนมากเป็นพิเศษเพื่อฟื้นฟูกิจการหลังน้ำท่วมใหญ่ อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าในปี 2557 มูลค่าการลงทุนขยายตัวอย่างแน่นอน” นายศักดิ์ชัยกล่าว
สำหรับปัญหาทางการเมืองที่หลายฝ่ายมองว่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน โดยเฉพาะการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยของนักลงทุนต่างชาตินั้น ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 1 ยืนยันว่า ที่จริงแล้วปัญหาทางการเมืองภายในประเทศไทยนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติเลย เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยได้พิสูจน์ให้เห็นมาตลอดว่ามีนโยบายด้านการส่งเสริมการลงทุนที่ชัดเจน ไม่ว่าการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่นโยบายทางด้านการลงทุนไม่เคยเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างชาติเป็นอย่างยิ่ง และยังคงแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ นายศักดิ์ชัยเปิดเผยว่า ในส่วนของพื้นที่ภาคเหนือนั้น นักลงทุนญี่ปุ่นได้มีการสอบถามอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความคืบหน้าของการขยายพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จังหวัดลำพูน ที่ปัจจุบันพบว่ามีการใช้ประโยชน์เต็มพื้นที่แล้ว โดยนักลงทุนญี่ปุ่นแสดงความสนใจอย่างมากที่จะเข้ามาลงทุน เนื่องจากอาจจะมีการถอนการลงทุนออกมาจากประเทศที่เป็นคู่ขัดแย้งอยู่กับประเทศญี่ปุ่น แล้วย้ายเข้ามาลงทุนที่ประเทศไทย ซึ่งในส่วนนี้ทาง BOI กำลังเร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยหากการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือสำเร็จจะส่งผลดีทำให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติเข้ามาอีกจำนวนมากอย่างแน่นอน ทั้งจากญี่ปุ่น เกาหลี และอีกหลายประเทศ
