ประจวบคีรีขันธ์ - หลังระดมเจ้าหน้าที่ค้นหาต่อเนื่องกว่า 3 วัน ทีมกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบฯ และในเครือสว่าง พบร่าง “น้องนนท์” เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่าง 312 ซึ่งถูกน้ำป่าซัดร่างขณะเข้าช่วยชาวบ้านที่ติดในรถยนต์ จนตัวเองถูกน้ำป่าซัดตกคลองบ้านบึงแล้ว โดยร่างติดต้นไม้อยู่กลางลำน้ำห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ ขณะที่ชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยแน่นวัดคั่นกระได
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (26 พ.ย.) ทีมเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน และมูลนิธิในเครือสว่าง ที่ได้ปรับแผนกั้นทางน้ำ และจัดชุดเดินเท้าปูพรมเข้าค้นหา “น้องนนท์” กู้ภัยผู้เสียสละ โดยเดินเท้าลุยน้ำ และต้นไม้ที่ล้มโค่นขวางทางห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ ก็ได้พบร่างของนายชวลิต ภูมิวัฒนานนท์ หรือ “น้องนนท์” นามเรียกขาน “สว่าง 312” ร่างติดต้นไม้อยู่กลางลำน้ำ สภาพศพน้องนนท์ ยังคงสวมชุดหมีกู้ภัยสีน้ำเงิน สวมรองเท้าผ้าใบ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำร่าง น้องนนท์ ขึ้นเรือท้องแบนล่องกลับมายังบริเวณฝายน้ำล้นบ้านบึง จุดเกิดเหตุ โดยมีแพทย์หญิงสุพรรณี ประดิษฐ์สถาวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมาชันสูตรพลิกศพ ร่วมกับทีมแพทย์โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ พบว่าสาเหตุที่เสียชีวิตเกิดจากจมน้ำ และขาดอากาศหายใจ จากนั้นทีมกู้ภัยได้นำร่างไปบำเพ็ญกุศลที่วัดคั่นกระได ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของนายอภิชาติ ภูมิวัฒนานนท์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต.อ่าวน้อย หมู่ 3 บ้านคั่นกระได และเครือญาติ
ตลอดจนชาวบ้านที่ทราบข่าวว่าพบร่าง น้องนนท์ แล้ว ต่างเดินทางมาดูศพ และร่วมแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ น้องนนท์ กู้ภัยผู้เสียสละรายนี้ จนแน่นศาลาวัดคั่นกระไดเลยทีเดียว ขณะที่ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งหมดต่างเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังที่ดีใจที่สามารถค้นหา และพาน้องนนท์ กลับบ้านได้สำเร็จ
นายวันดาว จันทร์ศรีทอง สว่าง 220 มูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน เล่าว่า นาทีเข้าค้นหา และพบร่างน้องนนท์ หลังจากพยายามค้นหาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 3 วัน วันนี้ใช้วิธีการเดินลุยน้ำตามเส้นเชือกที่โรยไว้ป้องกันอันตราย พอใกล้จุดที่พบร่างน้องนนท์ อยู่กลางลำน้ำ เห็นเพียงใบหน้าโผล่พ้นน้ำ ส่วนร่างติดกับสิ่งไม้ใต้น้ำ และมีฟองน้ำโอบล้อมจนเกือบมองไม่เห็น เมื่อได้กลิ่นเหม็นเน่าจึงพยายามลุยน้ำเข้าไปตรวจสอบ ก็พบว่าเป็นร่างของน้องนนท์ ที่สูญหายไป
ด้านนายนิพนธ์ สุวรรณนาวา ประธานมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการประสานจากสำนักงานยุติธรรมจังหวัด และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งว่าจะมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามเงื่อนไขของทางราชการ
ส่วนแนวทางการทำหน้าที่ของอาสาสมัครมูลนิธินั้น จะสั่งปรับปรุงใหม่ทั้งหมด พร้อมแก้ไขจุดบกพร่องเพื่อป้องกันเหตุการณ์เสียชีวิต โดยจะสั่งยกเลิกการใช้ชุดหมีเพื่อปฏิบัติหน้าที่ภาคสนาม เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทำงานไม่สะดวก และให้สวมเสื้อผ้าปกติ รวมถึงประสานการทำประกันหมู่แบบอัตโนมัติด้วย เพราะล่าสุด ที่ได้ตรวจสอบพบว่าประกันชีวิตหมู่เพิ่งหมดอายุลงพอดี และยังอยู่ในช่วงเตรียมการต่อสัญญา ทำให้ญาติไม่สามารถรับเงินประกันกรณีเสียชีวิตประมาณ 1-2 แสนบาท
